วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เค้กกล้วยหอม

เค้กกล้วยหอม สูตรชิฟฟ่อนเค้ก (Banana Chiffon Cake)


      สวัสดีเพื่อนๆค่ะ หนึ่งสัปดาห์มาบรรจบ ติ๊กก็ต้องหาเรื่องทำขนมเหมือนเช่นเคย วันนี้ติ๊กจะมาทำขนมเมนูเอาใจผู้ใหญ่ที่บ้านค่ะ นั่นก็คือเค้กกล้วยหอม เป็นเมนูยอดนิยมที่คุณแม่ติ๊กชอบทานมาก ไม่ว่าติ๊กจะทำเค้กกล้วยหอมสูตรไหน คุณแม่ท่านก็ทานได้หมดทุกสูตร อร่อยทุกสูตร แหม...ก็ของโปรดของคุณแม่อ่ะนะคะ
      เอาล่ะคะสำหรับวันนี้ติ๊กมีอีกหนึ่งสูตรของเค้กกล้วยหอมที่อยากจะมาแนะนำ ที่คิดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ ด้วยที่อยากให้เค้กกล้วยหอมรอบนี้ มีความนุ่มเบา และฉ่ำเนย ก็เลยเป็นที่มาของการทำ เค้กกล้วยหอม สูตรชิฟฟ่อนเค้ก และใส่เนยละลายแทนน้ำมันค่ะ
      สูตรนี้นะคะ ติ๊กรับรองเลยค่ะว่าใครที่ทานเค้กกล้วยหอมมาหลายต่อหลายที่ แล้วยังไม่พบกับความนุ่มสักที ให้ลองเปลี่ยนมาทำเค้กกล้วยหอม สูตรชิฟฟ่อนเค้กดูค่ะ จะพบว่ามันนุ่มอร่อยมากทีเดียวเลยนะคะ
      ติ๊กอบมาปุ๊บ คุณแม่ทานปั๊บ คุณแม่ทักว่า "เปลี่ยนสูตรอีกแล้วหรอ แต่รอบนี้อร่อยมาก นุ่มมากเลยนะ" แล้วคุณแม่ท่านก็ขอโควต้าไปแบ่งเพื่อนบ้านบ้าง แต่ติ๊กทำน้อยมากมีแบ่งไปแจก 4 ชิ้นเอง ที่เหลือเก็บไว้ทานกันเอง ตามประสาแม่ลูก (มีแอบงกค่ะ) แบบว่าเก็บได้คืนเดียวเอง หมดเกลี้ยงเลย

เอาละค่ะ เกริ่นมาสะเยอะ เข้าเรื่องหลักของเรากันเลยดีกว่าค่ะ
สูตรชิฟฟ่อนเค้กกล้วยหอม สำหรับ 2 ปอนด์
  1. แป้งเค้ก 100 กรัม
  2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  3. เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
  4. ไข่แดง 2 ฟอง (ไข่เบอร์ 0)
  5. เนยเค็มละลาย 80 กรัม (หรือน้ำมันพืช ตามแต่ความชอบ)
  6. กล้วยหอมบด 2 ลูก (ประมาณ 200-250 กรัม)
  7. กรีกโยเกิร์ต 80 กรัม (ถ้าไม่มี ให้ใช้วิปปิ้งครีม ผสมน้ำมะนาว 1 ซีก พักทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาทีค่ะ)
  8. วนิลลาสกัด 1 ช้อนชา
  9. กลิ่นกล้วยหอม 1/4 ช้อนชา (ถ้ามี)
ส่วนผสมเมอแรงค์
  1. ไข่ขาว 3 ฟอง (ไข่เบอร์ 0)
  2. น้ำตาลป่น 90 กรัม
  3. น้ำมะนาว 3-4 หยด (ใช้แทนครีมออฟทาทาร์)
วิธีทำเค้กกล้วยหอม
  1. วอร์มเตาอบไว้ก่อนเลยค่ะ ที่อุณหภูมิ 165 องศา ไฟล่างค่ะ ***ติ๊กใช้ไฟไม่แรงเหมือนทุกทีนะคะเพราะไม่ต้องการให้หน้าเค้กแตก อยากให้หน้าเค้กเนียนสวยค่ะ*** 
  2. จากนั้นเราก็มาเตรียมกล้วยบดกัน แนะนำให้ใช้กล้วยหอมที่สุกงอมมากๆนะคะ แบบว่าเละๆ เปลือกดำๆ ยิ่งดีค่ะ จะมีผลต่อความอร่อยของเค้กด้วยน้า การบดกล้วยหอมของติ๊กนะคะ ใช้วิธีง่ายๆ คือปลอกเปลือกกล้วยหอม และนำกล้วยใส่ถุงข้าวแกง และใช้มือบีบๆ ขยี้ๆ จนเละค่ะ จากนั้นก็เทใส่ชามผสม หากยังเห็นว่ามีกล้วยที่ยังเป็นชิ้นๆ ไม่เละ เราก็แค่เอาตะกร้อกดๆลงไป กล้วยก็เละแล้วค่ะ แนะนำนะคะว่าการทำเค้กกล้วยหอม ควรใช้วิธีบดกล้วยจะอร่อยกว่านำไปปั่นค่ะ
  3. หลังจากนั้น เราก็ใส่ส่วนผสม ไข่แดง, เนยเค็มละลาย, โยเกิร์ต, วนิลลาสกัด และกลิ่นกล้วยหอม และคนให้เข้ากันดีค่ะ ***ในคลิปจะเห็นว่า ไข่แดงติ๊กจะแปลกไปเสียหน่อย เนื่องจากวีคก่อนค่ะ ติ๊กทำชีสทาร์ต ได้ทำ Egg wash คือผสมไข่แดงและนมในอัตราเท่ากัน แล้วนำมาทาผิวชีสทาร์ตค่ะ*** ซึ่งใช้ไปนิดเดียวเอง ติ๊กก็เสียดายค่ะ เลยนำมาใช้ผสมกับเค้กกล้วยหอมสะเลย ดังนั้นเพื่อนๆ ไม่ต้องแปลกใจค่ะ ใช้ไข่แดง 2 ฟอง แบบปกติไปนะคะ
  4. ผสมแป้งเค้ก เบกกิ้งโซดา ผงฟู เข้าด้วยกัน แล้วทำการร่อนใส่ชามผสมเปียก จากนั้นคนให้พอเข้ากันค่ะ แล้วพักทิ้งไว้ก่อน
  5. เราจะมาทำเมอแรงค์กันต่อค่ะ โดยปกติติ๊กตีไข่ขาว ไม่ค่อยได้ใช้ครีมออฟทาทาร์เลยนะคะ เพราะซื้อมาใช้ไม่คุ้ม ใช้มะนาวแทนดีกว่าค่ะ เพราะเป็นของที่มีติดบ้านตลอดเวลา ติ๊กพบว่าการใช้มะนาวแทนครีมออฟทาทาร์ ก็ทำให้เค้กนุ่มดีค่ะ ไม่ได้แตกต่างจากการใช้ครีมออฟทาทาร์แต่อย่างใด
  6. นำไข่ขาว 3 ฟอง (อุณหภูมิปกตินะคะ) ใส่ภาชนะที่สะอาด ทำการตีไข่ขาวด้วยสปีดต่ำ จนเป็นฟอง แล้วค่อยบีบมะนาวลงไป 3-4 หยด และทำการตีต่อ โดยให้ปรับสปีดในการตีเป็นสปีดกลางค่ะ และเมื่อไข่ของเราเริ่มเป็นครีม ก็ทะยอยใส่น้ำตาลป่นค่ะ ติ๊กแบ่งใส่ 3 รอบจนหมด
      ติ๊กไม่ใช้สปีดสูงสุดในการตีนะคะ เพราะเคยทำแล้ว พบกว่าเค้กมีฟองอากาศขนาดใหญ่มาก ทำให้เค้กเป็นรูๆ ไม่เนียนสวยเท่ากับใช้สปีดกลางในการตีค่ะ โดยการตีไข่ขาวให้ตั้งยอดอ่อนนั้น ติ๊กใช้เวลาไม่เคยเกิน 4 นาทีนะคะ

      ติ๊กชอบใช้น้ำตาลป่น เพราะว่าใช้น้ำตาลทราย แล้วถ้าตีน้ำตาลละลายไม่หมด ทำให้น้ำตาลเกาะผิวหน้าเค้ก ทำให้สีผิวหน้าเค้กไม่ค่อยเสมอกัน

      ลักษณะของครีมที่ได้นะคะ ว่าไข่ขาวเราตั้งยอดอ่อนได้ที่รึยัง สังเกตุว่า เมื่อเรายกหัวตีขึ้นมาเราจะเห็นว่ามีครีมติดที่ปลายตะกร้อในลักษณะโค้งงอนสวยงาม เหมือนเราทานไอศครีมซอฟครีม โดยเนื้อครีมที่ติดปลายตะกร้อ จะมีลักษณะเด้งๆ แบบมีสปริง เนื้อครีมต้องไม่เหลวหกใส่ภาชนะ ถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ เพราะหากตีนานเกินไป จากที่เราจะได้ยอดอ่อนจะกลายเป็นยอดแข็ง จะทำให้เนื้อเค้กเราแทนที่จะนิ่มๆ กลายเป็นแข็งและหยาบแทนนะคะ

7. เมื่อเราได้เมอแรงค์แล้ว เราก็นำไปแบ่งผสมในส่วนของแป้งที่เตรียมไว้ แบ่งใส่ 3 ครั้ง โดยทำการตะล่อมไข่ขาวให้เข้ากันดีกับแป้ง ดูวิธีการตะล่อมได้ที่คลิปเลยค่ะ
8. จากนั้นนำแบทเทอร์ที่ได้ เทใส่พิมพ์ ติ๊กใช้พิมพ์กลมขนาด 2 ปอนด์ ค่ะ และทำการกระแทกพิมพ์เล็กน้อย เพื่อไล่ฟองอากาศในตัวเค้ก
9. เราใช้อุณหภูมิในการอบ 165C ไฟล่างเท่านั้น อบเป็นเวลา 30 นาที แล้วค่อยมาปรับไฟเป็นไฟบนล่าง อบต่ออีก 10 นาที ค่ะ
10. เมื่ออบเสร็จแล้ว ให้รีบนำเค้กออกจากพิมพ์เลยนะคะ แล้วจะตัดเสิร์ฟทานร้อนๆเลยก็ได้ หรือจะพักทิ้งไว้ให้หายร้อนก่อน ก็แล้วแต่ชอบค่ะ

      เนื้อเค้กที่ได้ เมื่ออบเสร็จ อยู่ในอุณหภูมิปกติแล้วตัดชิม จะพบว่าเค้กนุ่มมาก หากใส่ตู้เย็นเค้กจะเซ็ตตัว มีลักษณะคล้ายบัตเตอร์เค้ก กรณีใส่เนยละลายลงไป

      หากใครไม่ชอบเนื้อเค้กกล้วยหอมแบบใส่เนย ก็ให้ใส่น้ำมันลงไปแทนค่ะ เนื้อเค้กที่ได้ แม้จะเก็บในตู้เย็น ตัวเค้กกล้วยหอมก็นุ๊มนุ่ม

      เอาล่ะค่ะ ทั้งหมดก็เป็นเรื่องราวการทำ บานาน่าชิฟฟ่อนเค้ก ซึ่งติ๊กบอกเลยว่าสูตรนี้ถูกใจติ๊กมากเลยนะคะ อยากจะอบอีก เพราะยังทานไม่หน่ำใจเลยค่ะ



ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ชีสทาร์ตญี่ปุ่น

ชีสทาร์ตญี่ปุ่น (Japanese Cheese Tart)


      ได้เวลามาอัพเดทเรื่องราวในห้องครัวกันอีกแล้ว สำหรับวีคนี้ติ๊กอยากจะลองทำ ชีสทาร์ตญี่ปุ่นค่ะ เพราะเป็นเมนูนี้กำลังนิยม อีกทั้งโดยส่วนตัวติ๊กชอบทานชีสทาร์ตญี่ปุ่นมาก ไม่ว่าจะเป็น Letao Double Formage Cheese Cake, Pablo Cheese Tart, Hokaido Cheese Cake จัดเป็น 3 เมนูโปรดของติ๊กเลยค่ะ เพราะเนื้อสัมผัสของชีสนั้นเป็นอะไรที่นุ่มละมุนละไม ทานง่าย ไม่หนักและเลี่ยนจนเกินไป

      เมื่อติ๊กอยากจะลองทำ ก็เข้าสู่กระบวนการหาข้อมูลค่ะ ว่าจะลองทำสูตรของใครดี เพื่อประเดิมสูตรก่อน จริงๆแล้วสูตรชีสทาร์ตมีหลายสูตรนะคะ และมีแบบไม่ใส่ไข่ ใส่ไข่ทั้งฟอง หรือใส่เฉพาะไข่แดง ค่ะ เมื่อดูๆ อ่านๆ ติ๊กก็ขอเลือกสูตรชีสทาร์ตของคุณ Ciao ค่ะ เหตุผลที่เลือกชีสทาร์ตสูตรนี้ก็เพราะว่า
1. เป็นชีสที่ไม่ใส่ไข่
2. ดูขั้นตอนทำง่าย ไม่ยุ่งยาก
3. คุณ Cioa พรีเซ็นต์หน้าตา หน้าทาน เหมือนเจ้า Pablo ค่ะ (แต่รสชาตินี่เค้าว่ามันไม่เหมือนเลยอ่า แต่ความจำติ๊กก็ลางเลือนเหลือเกินว่ารสชาติดั้งเดิมเป็นอย่างไร ทานไป 2 ครั้ง เมื่อนานมาแล้ว)

     หลังจากเลือกสูตร เราก็มาลงมีปฏิบัติกันเลยค่ะ เริ่มจากทำตัวแป้งทาร์ตก่อน แป้งทาร์ตไม่ได้ใช้สูตรคุณ Ciao นะคะ เป็นสูตรแป้งที่ติ๊กปรับมาใช้เป็นของตนเอง

สูตรแป้งทาร์ต พิมพ์กลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 10-11 เซ็นติเมตร
  1. เนยเค็มอุณหภูมิห้อง 70 กรัม
  2. เนยขาว 10 กรัม
  3. แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  4. น้ำตาลป่น 30 กรัม
  5. ไข่แดง 1 ฟอง
วิธีทำแป้งทาร์ต
  1. เราผสมเนยเค็ม เนยขาว คนให้เข้ากัน และร่อนแป้ง น้ำตาล เกลือ แล้วคนๆ พอให้เข้ากัน ให้ได้เนื้อเป็นลักษณะเม็ดทรายร่วน
  2. จากนั้นใส่ไข่แดง กลิ่นวนิลลา ผสมให้เข้ากัน
  3. ขั้นตอนผสมแป้งทาร์ต แนะนำให้ใช้ส้อมในการคน หรือจะเป็นมือของเราก็ได้ แต่อย่างเผลอนวดแป้ง อย่าผสมนาน ไม่งั้นแป้งจะเหนียว ไม่กรอบ
  4. เมื่อได้แป้งโดว์ ก็นำแร็พมาห่อให้มิดชิด นำโรลมานวดคลึงให้บางตามใจชอบ แล้วนำไปฟรีชสัก 10 นาที หรือ แช่ตู้เย็นสัก 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงค่อยนำมาใช้กรุลงบนฐานพิมพ์
  5. เมื่อแป้งทาร์ตเซ็ตแข็งตัวดีแล้ว นำออกจากตู้เย็น พักทิ้งไว้ 5 นาที แล้วนำไม้โรลมานวดๆคลึงๆ เล็กน้อย แล้วนำแป้งโดว์กรุลงพิมพ์
  6. จากนั้นนำส้อมจิ้มบริเวณก้นเพื่อไล่อากาศ ตอนอบจะช่วยไม่ให้ตัวทาร์ตพองตัวขึ้นมาก
  7. นำกระดาษไข และตุ้มสำหรับอบ หรือเมล็ดธัญพืช หรือข้าวสาร นำมาถ่วงน้ำหนัก ทับลงบนกระดาษไข แล้วนำแป้งทาร์ตเข้าอบ 180C 15 นาที จากนั้นนำออกมาจากเตาอบ แล้วให้นำกระดาษไขออก แล้วอบต่ออีก 10 นาที พักทิ้งไว้ให้เย็น
ลักษณะแป้งทาร์ตที่ได้ จะกรอบร่วนค่ะ รสชาติคล้ายๆคุกกี้เนยนะคะ

สูตรชีสทาร์ต
  1. ครีมชีส 100 กรัม
  2. ชีสมาสคาโปเน่ 50 กรัม
  3. น้ำตาล 35 กรัม
  4. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา 
  5. 50 ml วิปปิ้งครีม
  6. 50 ml นมสด
  7. น้ำมะนาว 5 กรัม (สำหรับคนชอบทานเปรี้ยวค่ะ ถ้าไม่ชอบไม่ต้องใส่ค่ะ หรือใส่เพียงแค่ 2-3 กรัม เปรี้ยวเล็กน้อย)
วิธีทำ Egg Wash ทาผิวขนม
  1. ไข่แดง 1 ฟอง
  2. นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
  3. วนิลลาสกัด 1-2 หยด
วิธีทำ ให้นำส่วนผสมทั้งหมดผสมรวมกันแล้วคนให้เข้ากันค่ะ

ขั้นตอนการทำชีสทาร์ต
      ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะ สูตรที่ใช้เป็นของคุณ Ciao ก็จริงนะคะ แต่ว่าเทคนิคการทำชีสทาร์ต ติ๊กใช้เทคนิคของช่อง Boba ETtoday โดยวิธีการทำดังนี้ค่ะ
  1. แบ่งวิปปิ้งครีม หรือ นมสด มาเล็กน้อย เพื่อนำมาผสมกับแป้งข้าวโพด นำมาคนให้แป้งข้าวโพดละลาย
  2. นำครีมชีส มาสคาโปเน่ วิปปิ้งครีม นมสด น้ำตาล ใส่ชามผสม แล้วนำไปตั้งบนหม้อต้มน้ำ (Double Boil) จนกระทั่งชีสละลายจนเป็นเนื้อเนียนเข้ากันดี
  3. ใส่แป้งข้าวโพด ค่อยๆ เทแแป้งข้าวโพดลงไป และคนส่วนผสมให้เข้ากัน
  4. กวนครีมชีสไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมจะเริ่มข้นขึ้น เริ่มจับตัวเป็นก้อนๆ ให้ปิดเตา ยกครีมชีสลงมา
  5. ใส่น้ำมะนาว วนิลลาสกัด คนให้เข้ากัน
  6. นำครีมชีสเทลงไปในทาร์ต และปาดผิวหน้าชีสให้เรียบเสมอกัน นำไปแช่ฟรีช 15 นาที
  7. หลังจากแช่ฟรีชเสร็จ 15 นาที ผิวด้านหน้าชีส จะตึงแห้ง ให้ทา Egg wash ลงไปบางๆ นำเข้าอบ 200C เป็นเวลา 15 นาที
      หลังจากอบเสร็จ ถ้าใครชอบเนื้อครีมชีสลักษณะเป็นครีมข้นๆ สามารถตัดทานตอนร้อนๆ ได้เลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องพักทิ้งไว้ให้เย็น แต่ถ้าชอบเนื้อครีมชีสแบบหนึบ ให้นำไปแช่เย็น แล้วค่อยตัดทานค่ะ
   
      เอาล่ะค่ะ มาถึงบทสรุปของสูตรคุณ Ciao ติ๊กว่าครีมชีสมันไม่นุ่มเบาเท่าไร คงเป็นเพราะสูตรมีแต่ครีม ถ้าจะให้ดี ติ๊กว่าสูตรนี้เหมาะสำหรับทำชีสบาร์, ชีสทาร์ตขนาดเล็กๆ และชีสครัมเบิ้ล น่าจะเป็นอะไรที่ลงตัวมาก

      แต่ถ้าจะทำชีสทาร์ตเป็นปอนด์ สูตรนี้ไม่เหมาะเลยค่ะ หรือตามสูตรเป็นครึ่งปอนด์ ติ๊กก็ว่าไม่เวิร์ค มันหนักครีมเกินไปค่ะ ไว้รอบหน้าติ๊กจะลองสูตรใหม่ ที่ใส่ไข่มาให้ชมกันนะค่ะ น่าจะนุ่มลิ้นกว่า ดังนั้น ติ๊กให้คะแนนสูตรนี้ 7/10 ขอหักคะแนนความเลี่ยน และไม่นุ่มเบาของชีสทาร์ตสูตรนี้ค่ะ

***ไม่ได้ว่าไม่อร่อยนะคะ แต่เนื้อชีสลักษณะนี้ ไม่เหมาะสมกับการทำชีสทาร์ตชิ้นใหญ่ ซึ่งติ๊กคิดว่าจะนำครีมชีสสูตรนี้ ไปทำชีสบาร์ ชีสครัมเบิ้ล ต้องอร่อยมากๆ แน่นอนค่ะ ไว้ถ้ามีเวลาจะมารีวิว สาธิต ให้ชมกันนะคะ




ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บราวนี่นูเทลล่า

บราวนี่นูเทลล่า (Nutella Brownies)


      ใกล้ปีใหม่เข้ามาเรื่อยๆกันแล้วนะคะ ติ๊กนึกขึ้นได้ว่า ตนเองได้ไปรับปากเพื่อนไว้ว่า จะลองทำบราวนี่นูเทลล่าไปฝากเพื่อน เพื่อนติ๊กอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ไม่ค่อยได้เข้ามากรุงเทพบ่อยนัก และติ๊กเองก็จะมีโอกาสไปสังสรรค์กับเพื่อนคนนี้ ก็ในช่วงเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ค่ะ

      ย้อนกลับไปเมื่อเดือนก่อนโน้นนะคะ เราได้มีโอกาสคุยกัน เพื่อนติ๊กบอกว่าอยากทานบราวนี่นูเทลล่าจัง เธอขับรถมากรุงเทพตั้งใจจะไปซื้อบราวนี่นูเทลล่า ของคุณจ๋า แต่ปรากฏว่าหมด เลยอดกันไป แต่ด้วยความอยากทานของเธอมีมาก เธอเลยบอกติ๊กว่าปีใหม่ปีนี้ช่วยทำเมนูนี้ให้หน่อยได้มั้ย เธอมีสูตรที่คล้ายคุณจ๋า มาให้ติ๊กทำ ติ๊กก็ไม่แน่ใจนะคะ ว่ามันคล้ายกันแค่ไหน เพราะก็ไม่เคยไปทานบราวนี่นูเทลล่า คุณจ๋า เลยสักครั้ง และนั่นจึงเป็นที่มาของเมนูในวันนี้ค่ะ

      บราวนี่นูเทลล่า (Nutella Brownies) สูตรคุณ Sally (แล้วติ๊กก็แอบคิดว่าเพื่อนติ๊กเองรู้ได้ไงว่ารสชาติมันจะเหมือนกันน้า เธอก็ไม่เคยทานสูตรคุณ Sally นี่น่า...555) เอาล่ะคะ เมื่อเพื่อนส่งสูตรบราวนี่นี้มาให้ติ๊ก ติ๊กก็ถึงกับบางอ้อเลยค่ะ เพราะติ๊กเห็นเมนูนี้บ่อย บน Pinterest และติ๊กก็ไม่ลังเลค่ะที่จะลงมือทำ เพราะสูตรคุณ Sally เชื่อถือได้อยู่แล้วค่ะ ดูจากส่วนผสมก็จัดเต็ม จัดหนัก คนคอมเม้นท์ล้วนแต่เอ่ยปากชมกันไม่ขาดสาย แต่ข้อควรระวังนะคะ เวลาเราเอาสูตรเมืองนอกมาทำขนม สูตรบ้านเมืองเขาจะทำขนมในรสที่หวานจัดมากค่ะ ดังนั้นเวลาเราเอามาใช้ต้องอ่านดีๆ และลดน้ำตาลลงนะคะ ขนาดบางทีติ๊กลดลงไปแล้ว ยังหวานอยู่เลยค่ะ

เกริ่นที่มาที่ไปมาพอสมควรของเมนูนี้ ก็ได้เวลาที่เราจะเริ่มลงมือทำกันได้แล้วจ้า

สูตรบราวนี่นูเทลล่า (Nutella Brownies)
  1. แป้งอเนกประสงค์ 95 กรัม
  2. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  3. ไข่ไก่เบอร์ (0) 2 ฟอง
  4. น้ำตาลทรายแดง 65 กรัม (สูตร Sally 100 กรัม)
  5. เนยจืด 75 กรัม
  6. นูเทลล่า 280 กรัม (สูตร Sally ใช้ 1 ถ้วยตวง)
  7. นูเทลล่า 70 กรัม หรือ 1/4 ถ้วยตวง
  8. วนิลลาสกัด 2 ช้อนชา
  9. ช็อคโกแลตสับ 135 กรัม (ถ้ามี)(สูตร Sally เป็นช็อคชิพค่ะ)
*** ติ๊กใช้พิมพ์สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว ค่ะ
*** สูตรที่ติ๊กลง สังเกตุว่ามีวงเล็บต่อท้าย นั่นคือสูตรเดิมคุณ Sally ซึ่งหากใช้ตามเขาจริงๆ จะหวานมากๆ หวานถึงขีดสุดได้ค่ะ แต่ทำตามที่ติ๊กได้ลงไว้ ก็จะหวานปกติค่อนไปทางหวานมาก
*** อยากให้บราวนี่หวานน้อย ลดน้ำตาล หรือ ลดนูเทลล่า หรือ ลดช็อคโกแลตสับ ตามที่ตนเองอยากจะลดได้เลยค่ะ

วิธีการทำบราวนี่นูเทลล่า

ติ๊กจะทำบราวนี่นูเทลล่าตามขั้นตอนของคุณ Sally นะคะ จะเหมือนไม่เหมือนก็ต้องลองกันดูค่ะ
  1. ทุกครั้งในการทำขนมอบ ต้องวอร์มเตาก่อนเลยนะคะ ติ๊กอาจจะไม่พูดถึงขั้นตอนนี้เท่าไรในการลงสูตรขนม เพราะถือว่าพวกเราทุกคนต้องรู้กันอยู่แล้วนะคะ
  2. เราจะตีเนยกับน้ำตาล ด้วยสปีดสูงสุด ให้เข้ากันจนเป็นครีมและขึ้นฟูเล็กน้อยค่ะ ในขั้นตอนนี้ของติ๊ก เนยที่ติ๊กใช้ มันอ่อนตัวมากเลยค่ะ คือติ๊กเอาออกมาจากตู้เย็นมานานมาก จนเนยค่อนไปทางเหลว เลยทำให้ติ๊กตีเนยน้ำตาลได้ในระดับที่เป็นครีมเหลวๆ แทนค่ะ ก็ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าผิดพลาดเล็กน้อย แต่ไม่มีผลต่อบราวนี่อะไร
  3. จากนั้นนำไข่ไก่ วนิลลา ใส่ผสมลงไป และตีให้พอเข้ากันค่ะ โดยใช้สปีดกลาง อย่าตีนานนะคะ เดี๋ยวบราวนี่จะมีแต่อากาศค่ะ ในขั้นตอนนี้ถ้าไข่ไก่กับเนยเป็นลักษณะลิ่ม ก็ปล่อยผ่านไปค่ะ อย่าพยายามที่จะตี (คือมีเพื่อนบนเพจทักติ๊กมาถึงปัญหานี้ แล้วเธอก็พยายามจะตีไข่ให้เนียนเข้ากับเนยให้ได้ ยิ่งตีก็ยิ่งฟู ฟูจนจะทำเค้กได้เลยค่ะ แต่ไข่ก็ยังเป็นลิ่มๆ) ดังนั้นนะคะ เอาเป็นว่าใครเจอปัญหานี้ ไม่ต้องกังวลปล่อยผ่านไปค่ะ ไม่เป็นผลต่อการทำบราวนี่ หรือถ้ารู้สึกมันไม่เป๊ะปล่อยผ่านไม่ได้ ก็ใส่แป้งลงไป 1-2 ช้อนโต๊ะนะคะ แล้วตี มันก็จะเข้ากันได้ดีค่ะ (เทคนิคนี้ได้มาจากรายการพลพรรคนักปรุงนะคะ)
  4. ต่อมาค่ะ เมื่อตีไข่ให้พอเข้ากันแล้ว เราใส่นูเทลล่า ตีด้วยสปีดต่ำ ตีให้เข้ากันดี ขั้นตอนนี้ส่วนผสมจะเหนียวขึ้นมาค่ะ และสุดท้าย ใส่แป้ง เกลือ ลงไปค่ะ ไม่ต้องร่อนก็ได้ค่ะ เราทำบราวนี่ ไม่เน้นความเนียนละเอียดของแป้งค่ะ ให้เราใช้ไม้พายตะล่อมส่วนผสมแป้งให้เข้ากันนะคะ
  5. สุดท้ายนะคะ ถ้าใครมีช็อคโกแลตแท่งสับหยาบ ก็ใส่ผสมลงไปเลยค่ะ ผสมเบามือ อย่าผสมนาน เดี๋ยวช็อคจะละลาย และแป้งจะเหนียวค่ะ
  6. จากนั้น เราก็หยอดนูเทลล่า ที่เราแบ่งออกมา 1/4 ถ้วย ลงบนหน้าบราวนี่ เพื่อทำลวดลายค่ะ  หรือจะหยอด แล้วเกลี่ยๆเล็กน้อย ก็ได้นะคะ แล้วเอาไปอบ
      ขั้นตอนการทำลวดลายนี่ ติ๊กเองก็หนักมือไปมาก คือกรีดสะถี่หยิบ และก็ลึกด้วย ก็เล่นใช้มีดกรีดอ่ะนะค่ะ ตัวนูเทลล่างี้จมหายไปในบราวนี่ ก็ถือเป็นบทเรียนการเรียนรู้ไป รอบหน้าติ๊กว่าใช้ไม้จิ้มฟัน และจิ้มลงแค่ผิวของนูเทลล่าตวัดไปมาเล็กน้อยก็พอค่ะ ให้นึกถึงการทำลวดลายแบบลาเต้อาร์ตอ่ะคะ

      7. จากนั้น เราก็เอาเข้าอบเลยค่ะ อุณหภูมิไฟที่ใช้ประมาณ 175C อบนาน 25 นาทีค่ะ
   
      เอาล่ะเมื่ออบเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งใจร้อนนะคะ พักทิ้งไว้ให้เย็นสนิทก่อนจะตัด แต่แหม...ติ๊กก็มักจะบอกคนอื่นๆว่าให้ใจเย็นพักไว้นะคะ แต่ตัวติ๊กเองนี่ไม่เคยรอถึงชั่วโมงเลยค่ะ รีบตัดโชว์ก่อนแล้วค่ะ ก็แบบว่าอัดคลิปด้วยค่ะ บางทีเราก็อยากจะปิดจ๊อป ก็เลยรีบตัดเสิร์ฟ อยากจะชิมใจจะขาดอ่ะจ้า

      สรุปสุดท้าย รสชาติของบราวนี่นูเทลล่า สูตรคุณ Sally ติ๊กให้ 9/10 ค่ะ หัก 1 คะแนน ตรงที่จัดเต็มวัตถุดิบมากเกินไป ทำให้ความหวานของขนมชนิดนี้มันโดดไปมาก และมีความเข้มข้นของนูเทลล่า กับ ช็อคโกแลต มากเกินความพอดี แต่ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยนะคะ มันอร่อยมากถึงมากเลยละค่ะ ถึงติ๊กจะทำออกมาแล้วหวาน แต่มันเป็นความหวานจากเนยถั่วและช็อคโกแลต มันเลยอร่อยมากๆ แต่มันจัดจ้านเกินไปเหมือนเราทานช็อคโกแลตราดด้วยนูเนลล่ายังไงยังงั้น เลยขอหักไป 1 คะแนนจ้า

      เมื่อเราได้เรียนรู้สูตรของเขาแล้วเป็นเช่นไร เราก็ลองนำมาปรับให้เหมาะสมกับรสชาติในแบบที่เราอยากจะให้เป็นกันนะคะ




ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เครปเค้ก

CREPE CAKE


      เมื่อถึงวันหยุดทีไร ติ๊กก็ชีพจรลงครัวเหมือนเช่นเคยค่ะ ทุกสัปดาห์คิดแต่ว่าเราจะทำขนมอะไรดีน้า และแล้ววีคนี้ของติ๊ก ก็คิดว่าเราจะเลือกเมนูไม่ยากล่ะกัน แบบไม่ต้องอบ ก็เลยคิดว่าจะทำ เครปเค้ก
     
      เดี๋ยวก่อนนะคะ ที่ติ๊กบอกว่าเป็นเมนูไม่ยากนะใช่นะคะ แต่จะทำให้อร่อยนี่ไม่ง่ายเลยค่ะ แต่ติ๊กก็ไม่รู้นะคะ ว่าเครปติ๊กอร่อยรึป่าว อ้าว!...สะง้าน แต่เพื่อนๆที่ออฟฟิศ เขาก็ชมกันหมดทุกคน ไม่มีใครติว่าเราเลย (เอาใจเราป่าวน้า) ทุกคนบอกว่าอร่อยมาก ฟินมาก
     
      ส่วนตัวติ๊กหรอค่ะ ติ๊กทานไป 1 ชิ้นครึ่งค่ะ ชิ้นแรกก็ตอนถ่ายคลิป ทานคนเดียวหมดเลย มีคุณแม่ทานไปคำหนึ่ง คุณแม่บอกว่าเลี่ยนจัง นมครีมทั้งนั้นแม่ไม่ไหว ติ๊กเข้าใจว่าท่านอายุเยอะแล้วค่ะ และขนมที่ท่านชอบก็ไม่สัดทัดพวกเค้กครีมทุกประเภท เครปเค้กจึงไม่ถูกปาก แน่นอนค่ะ ติ๊กทานเรียบคนเดียว จิ้มกับซอสสตรอเบอรี่ ราดซอสท่วมเลยค่ะ เพราะติ๊กเองก็ไม่สัดทัดเครปเค้กเหมือนกัน...555 ก็อาศัยซอสนี่แหละค่ะช่วย เลยทานได้หมดเกลี้ยง มันเป็นของที่ทานคู่กันแล้วฟินเนาะ
     
      เล่ามาสะเยอะ ยังไม่เข้าสูตรนะคะ ก่อนจะเข้าสูตร เพื่อนๆอ่านข้อควรระวังการทำเครปก่อนค่ะ แล้วค่อยลงมือกันนะคะ อย่าเพิ่งใจร้อน

***ทำเครปไม่ยาก แต่ทำอร่อยไม่ง่ายค่ะ***
  1. ควรได้สูตรเครปที่ถูกปากเรา และต้องเป็นสูตรที่แป้งนุ่ม แม้แช่ตู้เย็นแล้ว เอาออกมาทานเลยก็ยังนุ๊ม...นุ่ม (สูตรติ๊กนุ๊ม...นุ่ม แน่นอนค้า แต่ไม่รู้นะคะว่าเก็บไป 1 วีคจะเป็นไง เพราะมันหมดไปเพียงชั่วข้ามคืนค้า แต่เครปเค้กก็ไม่เหมาะที่จะเก็บไว้นานๆ ควรทานภายใน 3 วัน นะคะ)
  2. เมื่อมีสูตรที่ดีแล้ว การทอดแป้งเครปให้บาง ก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ ซึ่งตรงจุดนี้เอง ติ๊กเองก็ยอมรับนะคะ ว่าไม่ง่าย แป้งเครปที่ติ๊กทอด บางไม่เท่ากันค่ะ บางอันก็บางเท่ากันอย่างสวย บางอันหนาข้างบางข้างค่ะ สาเหตุก็เพราะการกลิ้งแป้งบนกระทะนั่นเอง ควรมีทักษะ การกลิ้งแป้งที่รวดเร็ว และรู้ทิศทางแป้งเป็นอย่างดี ก็ต้องอาศัยความชำนาญนะคะ เทคนิคชาวเน็ตที่มีแนะนำกัน เขาแนะว่า กระทะห้ามร้อนเลยค่ะ ทำเครปหนึ่งชิ้น ต้องพักกระทะให้เย็นตัวก่อน เทคนิคนี้ติ๊กไม่ได้ทำตามค่ะ แบบว่ารอไม่ไหว กว่าจะทอดเสร็จคงปาไป 2-3 ชั่วโมง เพราะขนาดทำไปเรื่อยๆ ไม่ได้รอกระทะเย็นตัว ก็ใช้เวลาไปชั่วโมงนึงแล้วค่ะ เพื่อนๆจะเลือกเทคนิคไหนในการทอดเครป ก็จัดกันไปนะคะ แต่บอกเลยว่าต้องทอดให้ได้แป้งบางเท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
  3. วิปครีมค่ะ การใช้ปริมาณวิปครีมในการปาดต่อชั้นควรพอดี ไม่น้อย ไม่มากไป และที่สำคัญคือการใช้วิปปิ้งครีมในการตี ควรเลือกวิปปิ้งครีมที่ให้วิปที่ฟูเบา นุ่มลิ้น ไม่เลี่ยน ควรใช้วิปแบบแดรี่ครีม ส่วนของติ๊กนั้น ติ๊กใช้ผสมกันค่ะ แต่ใช้แดรี่ครีมปริมาณเยอะกว่า ติ๊กใช้แดรี่วิป 450ml และวิปเทียม 150ml เหตุผลก็อย่างที่เคยบอกค่ะ วิปเทียมเขาช่วยเซ็ตตัวได้ที ไม่ละลายได้ง่าย ติ๊กก็จำเป็นต้องใช้วิปเทียมมาช่วย โดยไม่ใส่เจลาติน ใครชอบวิปยี่ห้ออะไรแบบไหน ก็จัดไปค่ะ เอาที่เราชอบ จะได้ออกมาถูกปากตัวเองกันนะคะ
      ทั้งหมด 3 ข้อข้างบน จะช่วยให้การทำเครปเค้กของเพื่อนๆ ออกมาอร่อยฟินแน่นอนค่ะ ได้เวลาเข้าเรื่องอย่างตรงประเด็นกันแล้วจ้า ว่ากันด้วยสูตรเครปกันเลยจ้า

สูตรเครปเค้ก 

สูตรนี้ สามารถทอดเครปได้ 25 แผ่น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-22 เซ็นติเมตร
ส่วนผสมแห้ง
  1. แป้งเค้ก 180 กรัม
  2. น้ำตาลป่น 100 กรัม
  3. เกลือ 1/2 ช้อนชา
ให้นำส่วนผสมแห้งทั้งหมดนำมาร่อนรวมกัน และคลุกให้เข้ากันเลยค่ะ

ส่วนผสมของเหลว
  1. ไข่ไก่เบอร์ศูนย์ 3 ฟอง
  2. นมสด 900 มิลลิลิตร
  3. น้ำมันพืช หรือ เนยสดจืดละลาย 30 กรัม
  4. วนิลลาสกัด 1/2 ช้อนชา
วิธีทำแป้งเครป
  1. ส่วนผสมของเหลวให้เริ่มจากการคนไข่ก่อน ให้คนไข่แดงกับไข่ขาวให้เข้ากัน จากนั้นใส่วนิลลาสกัด นมสด และน้ำมันพืช คนให้เข้ากัน
  2. นำของเหลว เทลงไปในชามผสมของแห้ง ทะยอยแบ่งเท 3 ครั้ง โดยครั้งแรกที่เท ให้คนส่วนผสมให้เข้ากันให้ดี และค่อยเทของเหลวต่อ จนผสมหมดเข้าด้วยกัน
  3. ขั้นตอนนี้ จะเห็นว่าอาจมีเม็ดแป้งเป็นก้อนๆ และก้อนไข่ขาวจับตัว และมีน้ำมันลอย (กรณีใช้น้ำมัน) ไม่ต้องกังวลค่ะ เดี๋ยวเราเอาไปกรองให้เนื้อเนียน
  4. นำส่วนผสมที่ได้ นำไปกรอง ด้วยกระชอนตาถี่ แนะนำควรใช้ตาที่ถี่มากๆ เนื้อจะยิ่งเนียน หลังจากนั้นนำแป้งเครปเก็บพักไว้ในตู้เย็น ระหว่างรอการจัดเตรียมซอสสตรอเบอรี่
      แป้งเครปที่ได้ จะมีไขมันลอยอยู่ เป็นที่น้ำมันพืชที่เราใส่ไปค่ะ ติ๊กเองก็เป็น แต่ไม่เป็นอุปสรรคในการทอดเครป เรายังได้เครปชิ้นสวยแสนอร่อย  (แต่ถ้าใช้เนยละลายไม่เป็นนะคะ)
     
      ตรงจุดที่ใช้น้ำมันพืชผสมนี้ ติ๊กเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรให้น้ำมันไม่ลอย และเข้ากันได้ดีกับส่วนผสมอื่น ติ๊กขอข้ามเรื่องนี้ไปก่อนนะคะ ยังไงๆ เครปก็ออกมางามค่ะ

สูตรซอสสตรอเบอรี่
  1. สตรอเบอรี่ฟิลลิ่ง 1 กระป๋อง
  2. น้ำเปล่า 100-300 ml แล้วแต่ว่าชอบความข้นระดับไหนค่ะ ในคลิปใช้ 100ml (แต่ถ้าอยากให้เสิร์ฟได้พอดี 12 ชิ้น ก็ควรเติมน้ำ 300ml)
  3. คอร์นไซรับ หรือ น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ (หากเติมน้ำ 300 ml ต้องใส่ 6 ช้อนโต๊ะ)
  4. มะนาว 3/4-1 ลูก ตามแต่ความชอบ
  5. สตรอเบอรี่สดหั่น 10 ลูก (จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)
วิธีทำซอสสตรอเบอรี่
  1. ติ๊กใช้วีธีเตรียมซอสง่ายๆ แบบไม่ยุ่งยาก โดยใช้สตรอเบอรี่ฟิลลิ่งแบบกระป๋อง นำมาปั่นให้ละเอียดค่ะ
  2. เติมน้ำเปล่า และ น้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน นำไปเวฟให้เดือด หรือ จะนำไปตั้งเตาเคี่ยวจนเดือดก็ได้ค่ะ
  3. เมื่อเดือดแล้ว หากมีสตรอเบอรี่สด (ถ้ามี) นำมาหั่น และนำไปเวฟ หรือ ต้ม จนเดือดอีกครั้ง เมื่อเดือดแล้วปิดเตาเลยค่ะ ไม่ให้เดือดนานนะคะ เรายังต้องการเนื้อสตรอเบอรี่แบบเนื้อๆค่ะ เวลาทานแล้วจะตัดเลี่ยนได้ดีมาก
  4. จากนั้นก็ใส่น้ำมะนาว ตามใจชอบ ใครชอบเปรี้ยวๆ ก็จัดไปค่ะ
      ในคลิปนี้ เพื่อนๆจะเห็นว่า ติ๊กเตรียมซอสเติมน้ำแค่ 100 ml และไม่ได้ใส่เนื้อสตรอเบอรี่ค่ะ แต่พอถ่ายคลิปเสร็จ ติ๊กดูปริมาณซอสแล้ว ไม่พอเสิร์ฟแน่ๆ ก็เลยต้องเติมน้ำเข้าไปอีก ซึ่งติ๊กได้สรุปเป็นสูตรเอาไว้ด้านบน ว่าให้ใช้ 300 ml แทน แล้วติ๊กก็เพิ่มสตรอเบอรี่สดหั่นเต๋าลงไปอีกด้วย ใช้ไปประมาณ 10 ลูก

      ติ๊กไม่ได้เพิ่มมะนาวแล้วค่ะ เพราะว่ามะนาวหมด...555 แต่โชคดีค่ะ สตรอเบอรี่ที่ซื้อมา เปรี้ยวมาก เลยทำให้น้ำสตรอเบอรี่ที่ออกมาเปรี้ยวมาในซอสเล็กน้อย เลยได้ซอสอร่อยแบบ...พอดี๊...พอดี เลยค่ะ ปริมาณซอสที่ได้รอบนี้ ก็มากพอที่จะเสิร์ฟได้อย่างไม่งกแล้วค้า

      พอทำซอสเสร็จ ติ๊กก็มาต่อด้วยการทอดเครปค่ะ ก็เอาเครปออกจากตู้เย็น เตรียมความพร้อมทอดเครปกันค่ะ

ขั้นตอนการทอดเครป
  1. เราจัดเตรียมกระทะเทฟล่อน (วัดความกว้างก้นกระทะที่ติ๊กใช้ทอดเครปประมาณ 20 เซ็นติเมตร ค่ะ) ถ้าใช้กระทะไซส์เดียวกับติ๊กก็จะได้จำนวนแผ่นประมาณ 25 แผ่น แต่ถ้าใครทอดได้บางกว่าติ๊ก ก็จะได้แผ่นที่มากกว่า
  2. เครป 1 แผ่น ในการทอด ติ๊กใช้อุปกรณ์ตวงแป้งเครป ตวงประมาณ 50 ml ต่อการทอดแผ่นเครป 1 แผ่น
  3. ติ๊กใช้สปาตูล่าซิลิโคนในการแซะขอบเครปให้ร่อน เพราะซิลิโคนจะมีความยืนหยุ่นในการแซะตามขอบโค้งกระทำได้ดีกว่าวัสดุอื่นๆ
  4. ก่อนจะทอดเครป ติ๊กเทน้ำมันลงไปในกระทะ และนำกระดาษทิชชู่เช็ดออก เพื่อให้น้ำมันเคลือบกระทะบางๆ เวลาคว่ำเครปออกจากกระทะก็จะง่ายค่ะ และทำแบบนี้ทุกครั้งก่อนที่จะทอดแผ่นถัดไป หากมีเศษเครปติดบนกระทะ ให้เช็ดออกให้หมดก่อนทอดด้วยค่ะ
  5. ทอดเครป เราต้องใช้ไฟอ่อน เมื่อจะทอดเครป ให้ยกกระทะขึ้นจากเตา เราจะไม่เอากระทะอังเตาไว้ จากนั้นให้เทแป้งเครปลงไป และรีบเอียงกระทะไปมา ให้แป้งเครปกระจายให้ทั่วกระทะ อันนี้ก็อยู่ที่มือใครมือมันแล้วค่ะ มือติ๊กเองก็เกือบแย่จ้า
  6. เอาเครปออกจากกระทะ ให้แซะขอบเครปให้ร่อนก่อน และสังเกตุว่า เมื่อแป้งเครปพองตัว ถือว่าสุกแล้ว คว่ำกระทะบนตะแกรง แป้งเครปก็หลุดลงมาค่ะ ทำแบบนี้ปเรื่อยๆ จนแป้งหมดค่ะ
  7. จำนวนชั้นของเครปที่นิยมกันจะใช้เครปที่ 20 แผ่น แต่ติ๊กใช้ 25 แผ่นเลยค่ะ เพราะ 1 สูตรติ๊กได้ 25 แผ่น ก็จัดไปให้ครบค่ะ
  8. ขนาดแป้งเครปที่ได้ประมาณ 3 ปอนด์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 20-22 เซ็นติเมตร เพราะบางทีติ๊กกลิ้งแป้งเลยขึ้นไปตรงขอบโค้งกระทะค่ะ แป้งเลยมีขนาดไม่เท่ากันบ้าง แต่ไม่เป็นปัญหาในการประกอบเค้กค่ะ 
      เมื่อเราทอดเครปเสร็จแล้ว ก็พักทิ้งเครปไว้ค่ะ ระหว่างนี้ก็ไปตีวิปปิ้งครีมเลยค่ะ เพราะเครปเย็นตัวเร็ว เราไม่ต้องพักไว้นานค่ะ ตอนปาดเครป ก็ให้เอาแผ่นเครปที่ทอดแผ่นแรกมาปาดก่อนนะคะ

สูตรวิปครีม
  1. Dairy Whipping Cream 450ml 
  2. Non Dairy Whipping Cream 150ml
การตีวิปปิ้งครีมของติ๊กนะคะ
  1. นำวิปทั้ง 2 ชนิดไปแช่ห้องแข่งประมาณ 15 นาที และอุปกรณ์ที่ต้องใช้ตีนำไปฟรีชล่วงหน้าก่อนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง และควรเป็นอุปกรณ์สแตนเลส
  2. จากนั้นเราก็ทำการตีวิป ด้วยสปีดสูงสุด ตีจนวิปขึ้นฟูเป็นรอยตะกร้อค่ะ ขั้นตอนนี้ติ๊กใช้เวลาประมาณ 3-4 นาที ไม่เกินนี้นะคะ
การประกอบเครปเค้ก

ติ๊กขอแนะนำเป็นทิปนะคะ
  1. ในการปาดครีมแต่ละชั้น ให้ปาดให้เสมอกันค่ะ ก็คือ ปาดตรงกลางมาถึงขอบเครปให้หนาเท่าๆกัน เพราะตอนแรกติ๊กปาด ติ๊กก็ไม่ได้ปาดมาถึงขอบมากนัก แต่พอเครปเริ่มสูงขอบเครปมันโค้งลงมาค่ะ ติ๊กเลยมาเสริมวิปครีมชั้นเครปด้านบนๆ ที่ยังไม่ได้ปาด เสริมให้มันเท่ากัน เพื่อที่เครปเค้กจะไม่เป็นหลังเต่าค่ะ 
  2. ทุกชั้นเครปที่ติ๊กวางแป้งทับลงไปบนครีม ติ๊กจะใช้ตัวฐานรองเค้กกดแป้งเครปให้แน่นเรียบไปกับวิปตลอด เพื่อที่เวลาตัดเครป เครปของเราจะเรียงตัวชิดแน่นสวยงามค่ะ
  3. เมื่อเราได้เครปเค้กแล้วนะคะ ให้นำเครปเค้กไปเข้าฟรีชอย่างด่วนๆ เลยค่ะ เพราะเราใช้เวลาปาดเครปนานแล้ว ฟรีชไปสัก 30 นาที ไม่ต้องห่วงนะคะ เครปจะไม่แข็ง ไม่กระด้าง ไม่ดีดตัวแน่นอนค่ะ เว้นแต่แช่จนลืม จนจับตัวเป็นก้อนแข็งโป้กนะคะ เด๋วเพื่อนจะมาว่าติ๊กเอาได้ ฟรีซเสร็จก็ย้ายลงมาที่ตู้เย็นค่ะ หาอะไรปิดคลุมเครปเค้กด้วยนะคะ ทุกครั้งที่เรานำเค้กไปแช่ตู้เย็น ควรต้องมีฝาครอบเค้กให้มิดชิด ไม่ให้สัมผัสอากาศ ไม่งั้นขนมของเราจะขาดความชุ่มชื้นค่ะ และกลายเป็นว่าขนมเราจะดูดกลิ่นอาหารในตู้เย็นเข้ามาที่เค้กของเรา เค้กจะไม่อร่อยค้า
      ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามาอย่างยืดยาว การทำเครปเค้กที่ติ๊กต้องเผชิญมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็มีเพียงเท่านี้จ้า เป็นเมนูที่ทำไปครึ่งค่อนวันกันเลยทีเดียว หวังว่าเพื่อนๆ จะชอบสูตรเครป สูตรนี้กันนะจ๊ะ ทำออกมาเป็นยังไง มาบอกเล่ากันบนเพจนะคะ แอดมินอยากจะรู้ว่าขนมแอดมินถูกปากเพื่อนๆ บ้างมั้ย เพื่อจะได้แก้มือในคราวต่อๆไป และนำมาเสิร์ฟเพื่อนๆ จ้า

เครปเค้ก



ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

Preserved Pineapple

สับปะรดกวน          ด้วยที่ติ๊กอยากจะทำพายสับปะรด ก็เลยจะทำสับปะรดกวนเองเสียหน่อย เพราะไม่ได้ทำยาก แต่จะเสียเวลามากกว่า ติ๊กใช้เวลาพอคว...