วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สังขยาชาไทย

สังขยาชาไทย       

       สวัสดีทุกคนจ้า จากคราวก่อนติ๊กได้นำเสนอเค้กชาไทยหน้านิ่มไป แม้ว่าหน้าตาจะไม่ได้สวยงามเพอร์เฟ็ค แต่รสชาตินั้นโดนใจติ๊กมาก รวมถึงผู้โชคดีที่ได้รับเลือกได้ชิมเค้ก ก็ล้วนบอกว่าอร่อยเข้มข้นชามาก (ชมกันหมดเลย หรือว่าเขาพูดปลอบใจ เอาใจเรารึป่าวกันน้า) แต่ส่วนตัวติ๊กก็ว่ามันอร่อยนะ
       เอาละค่ะมาเข้าเรื่องเมนูวันนี้ดีกว่าค่ะ ก็ยังคงเป็นวัตถุดิบชานะคะ ก็แหมชาถุงนึงมันเยอะอ่ะค่ะ ก็ต้องหาเมนูทำไปเรื่อยจนกว่าจะหมดอ่ะนะค่ะ นอกจากชาไทยแล้ว ติ๊กยังมีตุนวัตถุดิบชาเขียวด้วยนะค่ะ ยังหาฤกษ์ยามทำไม่ได้เลย ของเต็มตู้รกไปหมด
       เริ่มเวิ่นเว้อไปไกลล่ะ ตัดบทเข้าเรื่องเลยค่ะ วันนี้ติ๊กจะมานำเสนอเมนูสังขยาชาไทยค่า
ก่อนหน้านี้ ติ๊กเคยลงคลิปสังขยาใบเตยไปแล้ว แต่คลิปนั้นเป็นอะไรที่ติ๊กเพิ่งหัดทำคลิปวีดีโอใหม่ๆ นำเสนอคลิปได้งงๆ งวยๆ วันนี้มาแก้ตัวใหม่ค่ะ สูตรนี้เป็นสังขยาที่ใช้แป้งนะคะ จะไม่เลี่ยนแบบสูตรไร้แป้งเหมือนคราวก่อน รับรองค่ะว่าเป็นสังขยาที่ทำได้ง่ายมาก ไม่ต้องใช้วัตถุดิบอะไรเยอะค่ะ



สูตรสังขยาชาไทย

ขั้นตอนที่ 1 ชงชากันก่อน ชงแบบไหนก็ได้นะค่ะ ไม่ต้องตามคลิปก็ได้ ใครมีอุปกรณ์ชงชาก็จัดได้เลยค่ะ พอดีที่บ้านติ๊กไม่มีอุปกรณ์ตัวช่วย ก็ชงแบบตามคลิปอ่ะจ๊ะ
     1. ผงชา 4 ช้อนโต๊ะ ประกอบไปด้วย
          - ผงชาซีลอน (ยี่ห้อช้างทอง) 1.5 ช้อนโต๊ะ
          - ผงชา 555 (ยี่ห้อช้างทอง) 2.5 ช้อนโต๊ะ
     2. น้ำร้อน 200 กรัม (น้ำที่ต้มเดือดค่ะ)
          ***ใครจะเปลี่ยนยี่ห้อ หรือเพิ่มปริมาณชาก็ได้นะคะ ตามที่ตนเองชอบเลย ผงชามีผลต่อความหอมจ้า***

วิธีการชงชา
  1. ใส่ผงชาทั้งหมดลงไปในน้ำร้อน แช่ทิ้งไว้ 4-5 นาที ห้ามเกินนี้
  2. เมื่อครบเวลานำมากรองกากชาออก ด้วยผ้าขาวบางที่ลวกน้ำร้อนแล้ว
ขั้นตอนที่ 2 มาเริ่มทำสังขยาชาไทยกันค่ะ
  1. น้ำชาที่ชงในขั้นตอนที่ 1
  2. ไข่แดง 3 ฟอง
  3. หัวกะทิ 65 กรัม (ถ้าไม่ชอบให้มีกลิ่นกะทิก็เปลี่ยนเป็นนมแทนได้ค่ะ จะเป็นนมข้นจืด นมสด ก็ได้หมดจ้า)
  4. น้ำตาลทราย 65 กรัม
  5. นมสด 250 กรัม
  6. แป้งข้าวโพด 20 กรัม
วิธีทำสังขยาชาไทย
  1. นำนมสดกับแป้งข้าวโพดมาผสมกัน คนให้แป้งละลายให้หมดค่ะ
  2. นำชาที่ชงได้ ใส่น้ำตาล กะทิ ไข่แดง คนให้เข้ากัน และจากนั้นก็เทนมที่ละลายแป้งข้าวโพดเอาไว้
  3. เปิดเตาใช้ไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน คนส่วนผสมไปเรื่อยๆ ติ๊กลืมจับเวลาจำไม่ได้ว่าคนไปกี่นาที ขั้นตอนนี้เราก็คนๆไปจนกว่าส่วนผสมจะข้นเป็นรอยตะกร้อค่ะ
  4. เมื่อสังขยาเริ่มข้นเห็นเป็นรอยตะกร้อ เราก็ลดไฟลงเป็นไฟอ่อนค่ะ ไม่งั้นมันจะเดือดปุดๆ กระเด็นกระจายค่ะ ลดไฟลงและคนต่ออีกสักนิดให้ข้นขึ้นเห็นเป็นรอยอย่างชัดเจน ก็ปิดเตาได้เลย
  5. พักทิ้งไว้ให้คลายร้อน แล้วเสิร์ฟค่ะ ทานคู่กับขนมปังเป็นอะไรที่เข้ากันดีจ้า


ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เค้กชาไทยหน้านิ่ม

Thai Tea Cake

     สวัสดีทุกคนค่ะ มาพบกับเมนูเค้กหน้านิ่มกันอีกหนึ่งเมนูกันค่ะ ก่อนหน้านี้ติ๊กมีทำ เค้กส้มหน้านิ่ม เค้กช็อคหน้านิ่ม กันไปแล้วนะคะ มารอบนี้มาส่งผลงานเค้กชาไทยหน้านิ่มค่ะ

     โดยตัวเค้กติ๊กเลือกทำสูตรสปันจ์เค้ก ที่ติ๊กดัดแปลงมาจากคุณจุ๋มแม่สลิ่ม และเป็นสูตรถนัดที่ติ๊กชอบทำ รสชาติความนุ่มของเค้กนี้ไม่ต้องพูดถึง ถ้าใครเคยทำมาบ้างแล้วจะรู้ว่าเนื้อเค้กละลายในปากกันทีเดียวค่ะ

     เอาละค่ะ วันนี้เราจะทำกันหลายขั้นตอนหน่อยนะคะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

     สูตรเค้กชาไทยหน้านิ่ม 3 ปอนด์ ติ๊กใช้พิมพ์สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว 2 ถาด ในการอบค่ะ เราจะมาทำเค้กทรงเหลี่ยมกันบ้างจ้า จริงๆก่อนหน้านี้ติ๊กตั้งใจจะอบใส่ฟอยด์นะคะ ติ๊กก็ได้อบเรียบร้อยแล้วด้วย แต่ทว่าติ๊กใส่แบทเทอร์ลงในฟอยด์มากไปค่ะ เค้กเลยปูดเต็มพิมพ์ ดูแล้วไม่น่าจะราดซอสได้สวยค่ะ เลยทานเป็นเค้กเปล่าๆไป และนั่นก็เป็นพิมพ์ฟอยด์ไซส์เล็ก ล๊อตสุดท้ายของติ๊กด้วย ทำให้รอบนี้ติ๊กอบใหม่เลยมาใช้พิมพ์สี่เหลี่ยมแทน





     เค้กชาไทยหน้านิ่ม ติ๊กจะลงสูตรเป็นลำดับขั้นตอนตามที่ติ๊กทำเลยนะคะ เริ่มจากการชงชานมเตรียมทำขนมไว้ก่อนเลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 ชงชานม สำหรับทำเค้ก
     1. ผงชา 3 ช้อนโต๊ะ ประกอบไปด้วย
          - ผงชาซีลอน (ยี่ห้อช้างทอง) 1 ช้อนโต๊ะ
          - ผงชา 555 (ยี่ห้อช้างทอง) 1 ช้อนโต๊ะ
          - ผงชาหอม (ยี่ห้อช้างทอง) 1/2 ช้อนโต๊ะ
          - ชาตรามือ ห่อแดง 1/2 ช้อนโต๊ะ
     2. นมสด 150 กรัม
          ***ใครจะเปลี่ยนยี่ห้อชาก็ได้นะคะ ตามที่ตนเองชอบเลยค่ะ แต่ผงชามีผลต่อความหอมของเค้กเรานะคะ***

วิธีการชงชา

  1. นำนมสดไปต้ม หรือ เวฟ ให้เดือด แล้วปิดเตาทันที ไม่ต้องให้เดือดนาน
  2. ใส่ผงชาทั้งหมดลงไปในนม แช่ทิ้งไว้ 4-5 นาที ห้ามเกินนี้
  3. เมื่อครบเวลานำมากรองกากชาออก ด้วยผ้าขาวบางที่ลวกน้ำร้อนแล้ว และพักชานมทิ้งไว้ก่อน
ขั้นตอนที่ 2 ชงชานม สำหรับทำซอสชาไทยหน้านิ่ม
     1. ผงชา 4 ช้อนโต๊ะ ประกอบไปด้วย
          - ผงชาซีลอน (ยี่ห้อช้างทอง) 1 ช้อนโต๊ะ
          - ผงชา 555 (ยี่ห้อช้างทอง) 1 ช้อนโต๊ะ
          - ผงชาหอม (ยี่ห้อช้างทอง) 1/2 ช้อนโต๊ะ
          - ชาตรามือ ห่อแดง 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
     2. นมสด 200 กรัม
***วิธีการชงเหมือนขั้นตอนที่ 1 เป๊ะเลยค่ะ ก่อนกรองติ๊กนำกากชาของเก่าทิ้งไปนะคะ ไม่ได้เอามาใช้ผสมซ้ำ***

ขั้นตอนที่ 3 ทำสปันจ์เค้กชาไทย
  1. แป้งเค้ก 100 กรัม
  2. ผงฟู 1 ช้อนชา
  3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  4. ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 3 ฟอง
  5. ชานมจากขั้นตอนที่ 1
  6. น้ำตาลป่น 70 กรัม
  7. น้ำมันพืช 80 กรัม
  8. วนิลลาสกัด 3/4 ช้อนชา
  9. สารเสริม SP 12 กรัม 
วิธีทำเค้กชาไทย
  1. วอร์มเตาอบไฟบนล่าง 180 องศาค่ะ
  2. เตรียมพิมพ์อบ ติ๊กใช้พิมพ์สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว 2 ถาด รองกระดาษอบไว้ที่ก้นพิมพ์ให้เรียบร้อย
  3. เรามาเริ่มตีไข่กันค่ะ ด้วยน้ำตาลป่นติ๊กหมด จึงต้องใช้น้ำตาลทราย ดังนั้นลำดับการตีไข่จึงปรับเปลี่ยนไปนะคะ
  4. ตีไข่ด้วยสปีดสูงสุด ให้ขึ้นเป็นครีมสีเหลืองอ่อนๆ พอจะรับน้ำหนักน้ำตาลได้ ค่อยๆเทน้ำตาลทรายลงไป และตีไปพร้อมๆกัน จดหมด
  5. จากนั้นใส่ชานมลงไป จะทำให้น้ำตาลละลายได้ง่ายขึ้น ตีจนไข่ขึ้นฟูเป็น Ribbon Stage ลักษณะเป็นครีมข้น ติ๊กใช้เวลาตีทั้งหมดประมาณ 6 นาทีนิดๆ รอบนี้ตีฟูได้เร็วค่ะ อาจเป็นเพราะไม่ได้ใส่นมไปแต่แรกก็เป็นได้เลยขึ้นฟูเร็ว
  6. ใส่วนิลลาสกัดลงไป ตีพอเข้ากัน แต่ในคลิปติ๊กลืมค่ะ เลยมาใส่ตอนท้ายสุดที่ผสมแป้งเสร็จแล้ว ทีแรกว่าจะไม่ใส่ แต่ก็เกรงว่าขนมจะมีกลิ่นคาวไข่ เลยใส่สักหน่อยดีกว่า
  7. หลังจากนั้น ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ลงในโถผสม และตีด้วยสปีดต่ำให้แป้งเข้ากัน แล้วปรับสปีดตีด้วยสปีดกลาง ให้แบทเทอร์เนื้อเนียนขึ้น อย่าตีนานค่ะ ด้วยเค้กหด 
  8. จากนั้นใส่น้ำมันลงไป ทะยอยแบ่งใส่ 3 รอบ ตีด้วยสปีดต่ำ ตีแค่เข้ากันพอค่ะ แล้วหยุดตี
  9. นำเนื้อแบทเทอร์ที่ได้เทลงพิมพ์ เกลี่ยหน้าให้เรียบ กระแทกพิมพ์ไล่ฟองอากาศ และตัดฟองอากาศด้วยไม้จิ้มฟัน
  10. นำเข้าอบ ไฟบนล่าง 180 องศา เวลา 10-12 นาที หรือ จนเค้กสุด ผิวเค้กเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ
  11. นำเค้กออกจากพิมพ์ ลอกกระดาษรองอบออก พักทิ้งเอาไว้ แล้วไปทำซอสชาไทยต่อค่ะ
ขั้นตอนที่ 4 ทำซอสชาไทยหน้านิ่ม
  1. ชานมจากขั้นตอนที่ 2
  2. นมสด 250 กรัม (แบ่งส่วนนึงไปใส่แป้งข้าวโพด)
  3. แป้งข้าวโพด 22 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 60 กรัม
  5. เนยเค็ม 65 กรัม
วิธีทำซอสชาไทยหน้านิ่ม
  1. แบ่งนมสดส่วนนึง ใส่แป้งข้าวโพด และคนให้ละลาย
  2. นำนมสดที่เหลือ เทผสมในชานมที่เตรียมเอาไว้ ใส่น้ำตาลทรายลงไป
  3. นำไปตั้งไฟคนชานมไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มเดือด ให้เทน้ำแป้งข้าวโพดที่เตรียมไว้ รีบคนๆ พอน้ำเริ่มข้นขึ้นเป็นรอยตะกร้อ ให้ปิดเตาทันที
  4. จากนั้นใส่เนยเค็ม และคนให้ละลายให้เข้ากัน
  5. นำซอสมาราดบนตัวเค้ก ควรรีบราดนะคะ ถ้าพักทิ้งไว้นานซอสจะข้นและเซ็ตตัว จะราดยาก และจะเกลี่ยไม่ค่อยเรียบ
     จากในคลิปจะเห็นว่า ซอสของติ๊กตอนราดรอบสุดท้ายจะเกลี่ยค่อนข้างยาก เพราะมีสายเข้าค่า มัวแต่ไปคุยธุระกลับมาอีกที ซอสก็ข้นแห้ง จะเห็นว่าในคลิปติ๊กพยายามคนๆ ให้มันคลายตัวแล้วค่อยราด ก็พอจะช่วยได้ระดับนึง แต่ก็ปาดไม่ค่อยเรียบแล้วละค่ะ แต่ถึงอย่างไร ความอร่อยของเค้กบอกเลยค่ะ ว่าอร่อยมาก หอมชามั่กมากเลยจ้า






ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

บัตเตอร์เค้ก สูตรนุ่ม

Butter Cake

     
     สวัสดีจ้า เมนูวันนี้ติ๊กขอทำบัตเตอร์เค้กนุ่มๆ เนื้อละลายในปากกันจ้า ถ้าพูดถึงสูตรบัตเตอร์เค้ก เราจะนึกถึงสูตรที่ว่าต้องตีเนยให้ขึ้นฟู แล้วค่อยใส่ไข่ทีละฟองกันใช่มั้ยค้า แต่ทว่าวันนี้ติ๊กจะไม่ทำแบบนั้นค่ะ ติ๊กจะตีแบบสปันจ์เค้กโดยใช้สารเสริม SP และสัดส่วนของวัตถุดิบเราจะเป็นสูตรเค้กเนยค่ะ

     แต่ถ้าใครไม่ชอบสารเสริม SP ติ๊กแนะนำให้ใช้สูตรบัตเตอร์เค้ก ตีแยกไข่ขาว ที่ติ๊กเคยทำไว้คลิปก่อน แต่ให้เปลี่ยนสัดส่วนวัตถุดิบให้เป็นไปตามคลิปนี้แทนค่ะ ก็จะได้บัตเตอร์เค้กที่นุ่มเหมือนกัน แต่ก็ไม่เท่ากับที่เรามีตัวช่วยนะคะ (ติ๊กแปะสูตรเก่าไว้ตามนี้ค่ะ http://www.msandmrsbrown.com/2016/02/blog-post_7.html )

     สำหรับเพื่อนๆ ที่มีปัญหาในการตีสปันจ์เค้กที่ใช้เนยละลาย ตีทีไรเค้กเป็นตับเป็นไต ก็ต้องระวังนะคะ สูตรนี้เนยเยอะแป้งเยอะ อุณหภูมิเนยจะสำคัญมาก ถ้าเนยอุ่นไม่มากพอเค้กเราเป็นโรคไตถามหาแน่ๆจ้า แต่ติ๊กมีทิปในการทำเนยละลายให้ได้อุณหภูมิพอเหมาะพอเจาะ ถ้าใครนำไปใช้ทำตามแล้วยังเป็นไตอย่ามาว่ากันน้า ก็ต้องช่วยเหลือตัวเองกันเองแล้วจ้า

สูตรบัตเตอร์เค้ก

1. แป้งเค้ก 150 กรัม
2. ผงฟู 1 ช้อนชา
3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
4. ไข่ไก่เบอร์ (0) 3 ฟอง + ไข่ขาวอีก 1 ฟอง (*ในคลิปใส่สูตรติ๊กตกหล่นไปจ้า*)
5. น้ำตาลป่น 120 กรัม (สูตรนี้หวานน้อยแล้วนะจ๊ะ)
6. เนยเค็มละลายอุ่น 150 กรัม
7. นมสด 65 กรัม
8. วนิลลาสกัด 1+1/2 ช้อนชา
9. สารเสริม SP 12 กรัม

     ไข่ขาวที่ติ๊กเพิ่มมาอีก 1 ฟอง เพื่อต้องการให้เค้กฟูเบามากขึ้นค่ะ แต่จะไม่ใส่ก็ได้เช่นกันค่ะ ปริมาตรเค้กจะน้อยลงหน่อย ไม่มีผลต่อความอร่อย มีผลแค่ความฟูเบาค่ะ

วิธีทำบัตเตอร์เค้ก

1. วอร์มเตาอบไฟล่าง 140 องศา (เตาติ๊กไฟแรงค่ะ เลยใช้อุณหภูมิต่ำหน่อย แต่ถ้าบ้านใครไฟเตาปกติดี จะอบที่ 160 องศา ก็ได้ค่ะ)
2. จากนั้นนำกระดาษรองอบวางไว้ที่ก้นพิมพ์ค่ะ จะได้คว่ำออกมาได้ง่ายๆ ติ๊กใช้พิมพ์ฟอยด์ 4572 ดูในคลิปเลยจ้า แต่ก็ไม่จำเป็นนะคะ ถ้าเราไม่คิดจะเอาออกจากพิมพ์ ก็ไม่ต้องรองกระดาษค่ะ
3. นำเนยไปละลาย ติ๊กใช้เนยใส่ในชามเซรามิก และนำไปวางในหม้อที่ใส่น้ำร้อน วางทิ้งไว้เลย (หม้อที่ใส่น้ำร้อน คือ นำน้ำไปต้มในหม้อจนเดือดแล้วปิดเตา)




*** ก่อนนำเนยไปละลายต้องเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างให้พร้อมก่อนนะคะ ***

4. เมื่อทุกอย่างพร้อม เรามาเริ่มตีไข่กันเลย ตีด้วยสปีดสูงสุด วันนี้น้ำตาลป่นติ๊กหมด มีไม่พอใช้ เลยต้องผสมน้ำตาลทรายลงไปด้วย ดังนั้นการตีไข่ของติ๊กวันนี้จึงเปลี่ยนลำดับการตีค่ะ โดยตีไข่ไก่ กับ SP ให้ขึ้นฟูเป็นครีมสีเหลืองนวลก่อน เพื่อให้ไข่รับน้ำหนักน้ำตาลทรายได้ โดยไม่ลงไปกองที่ก้นโถ
5. เมื่อตีไข่กับ SP จนไข่เริ่มเป็นครีม ก็ทะยอยใส่น้ำตาลลงไปจนหมด และจากนั้นค่อยใส่นมสดตามลงไป จะช่วยทำให้น้ำตาลละลายได้ดีมากขึ้นค่ะ
6. ให้ตีไข่จนขึ้นฟูเป็นครีมสีขาว มีลักษณะข้นหนืด (คล้ายๆน้มข้นหวาน) หรือที่เขานิยมเรียกกันว่า Ribbon Stage ลักษณะเป็นอย่างไร ดูตามคลิปช่วงที่ติ๊กเทแบทเทอร์ลงพิมพ์จะเห็นภาพชัดเจนค่ะ 
*** ระยะเวลาตีทั้งหมดติ๊กใช้ไปประมาณ 7 นาทีนิดๆ ด้วยกำลังเครื่องตี 450 วัตต์ค่ะ ***
7. จากนั้นใส่วนิลลาสกัด แล้วตีพอเข้ากัน
8. นำเนยละลายออกจากหม้อน้ำร้อน แล้วพักไว้
9. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ลงในแบทเทอร์ และตีสปีดต่ำให้เข้ากันเล็กน้อย (ไม่ถึงนาที) และปรับเป็นสปีดกลางตีให้เนียนและเข้ากันมากขึ้น (ไม่ถึงนาทีเหมือนกัน) อย่าตีนานเกินไป เค้กจะหดตัว
*** ในวีดีโอ ติ๊กลืมอัดขั้นตอนนี้นะคะ ติ๊กต้องขอโทษด้วยจริงๆ ด้วยที่เมมกล้องน้อยนิด ติ๊กเลยต้องอัดคลิปเป็นช่วงสั้นๆ เพื่อประหยัดพื้นที่เมม แต่ท้ายสุดก็เป็นปัญหา ติ๊กมักลืมกดอัดต่อเสมอเลย ก็ว่าจะไปซื้อเมมเพิ่มอยู่ แต่ก็ลืมตลอด _/\_ 
10. มาทำขนมกันต่อค่ะ เตรียมเทเนยลงในส่วนผสม ก่อนเท ให้คนๆเนยเสียหน่อย ให้ความร้อนกระจายตัวและคลายร้อนลง แล้วก็เอานิ้วมือจุ่มเทสเสียก่อน ว่าเนยอุ่นจัดหรือไม่ ควรให้เนยอุ่นจัด และนิ้วทนความร้อนได้ ก็ใช้ได้
11. ค่อยๆ เทเนยลงไป ตีด้วยสปีดต่ำ และหมั่นปาดโถ อย่าให้เนยกองกระจุกที่ใดที่หนึ่ง ให้คนและตีให้ทั่ว ผสมจนเข้ากันดีแล้วก็หยุดตี
12. นำแบทเทอร์ที่ได้เทลงพิมพ์ ถ้าทำตามสูตรและใช้พิมพ์เดียวกับติ๊ก จะอบได้ 2 ฟอยด์พอดีเป๊ะ
13. ปาดหน้าเค้กให้เรียบ และตัดฟองอากาศด้วยไม้จิ้มฟัน หรือ ไม้เสียบลูกชิ้น หรือ อุปกรณ์อื่นๆตามถนัด
14. กระแทกพิมพ์ไล่ฟองอากาศก่อนนำไปอบ
15. อบไฟล่าง ด้วยอุณหภูมิ 140 องศา เป็นเวลา 40 นาที หรือ เค้กเกือบสุก โดยสังเกตุที่ผิวด้านบนเค้กถ้าสร้างเปลืองผิวแล้ว และไม่เหลว ก็ให้ปรับไฟเป็นไฟบนล่าง 180 องศา อบต่ออีก 8 นาที
*** ในการอบจริง เตาติ๊กเหมือนมีปัญหาร้อนเร็ว ติ๊กอบด้วย 140 องศา ยังไม่ครบเวลา หน้าเค้กแตกเล็กน้อย ติ๊กจึงลดไฟเหลือ 130 องศา แต่หน้าเค้กก็ยังปริแตกเพิ่ม สุดท้ายติ๊กลดไฟเหลือ 120 องศา หน้าเค้กไม่แตกแล้ว และอบครบเต็มเวลา 40 นาที แล้วเปลี่ยนไฟมาเป็นไฟบนล่าง 180 องศา อบต่ออีก 8 นาที เพื่อให้หน้าเค้กสีเข้มสวย
*** อบด้วยไฟอ่อน เป็นเวลานาน อาจทำให้เค้กเนื้อแห้งได้นะคะ ถ้าอยากให้เนื้อเค้กชุ่มชื้น สามารถอบรองน้ำได้ ด้วยอุณหภูมิเดียวกัน แต่จะใช้ไฟบนล่างก็ได้ แล้วแต่เตาบ้านแต่ละคนค่ะ จะใช้ไฟอย่างไรก็ได้ตามที่เคยอบๆกันค่ะ
16. เมื่ออบเสร็จ ก็นำเค้กออกจากพิมพ์ พักทิ้งไว้ให้หายร้อนก่อน หรือจะหม่ำๆ กันเลยก็ได้ ตามแต่ใจต้องการเลยจ้า ถ้าจะทำแจกก็ไม่ต้องเอาออกจากพิมพ์ก็ได้ แจกไปทั้งฟอยด์เลย ง่ายดีค่ะ
17. แต่ถ้าอยากตัดบัตเตอร์เค้กให้ได้คมๆ เนื้อเนียน ควรนำไปแช่ตู้เย็นให้เนื้อเค้กเซ็ตตัวแน่น แล้วค่อยตัดก็จะเรียบ แต่ในคลิปติ๊กไม่ได้รอค่ะ ตัดเลยเพราะใจร้อน และเวลาไม่มีให้รอ เนื่องจากอีกวันนึงติ๊กมีธุระ เลยจัดสะทีเดียว

      เนื้อเค้กที่ได้นุ่มมากค่ะ ก็เราได้ตัวช่วยอ่ะเนาะ เค้กเลยนุ่มเนียน ฉ่ำเนย ถ้าให้เทียบกับบัตเตอร์เค้กยี่ห้อดัง เนื้อเค้กนี้จะนุ่มเบากว่านะคะ ล๊อตนี้ติ๊กทำแค่ 2 ฟอยด์ ให้ที่บ้านตนเอง กับ บ้านแฟน หมดเกลี้ยงอย่างเร็วเลยค่ะ






ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

Preserved Pineapple

สับปะรดกวน          ด้วยที่ติ๊กอยากจะทำพายสับปะรด ก็เลยจะทำสับปะรดกวนเองเสียหน่อย เพราะไม่ได้ทำยาก แต่จะเสียเวลามากกว่า ติ๊กใช้เวลาพอคว...