วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ขนมปังลูกเกด

     สวัสดีทุกคนค่า วันนี้ติ๊กจะมาทำขนมปังสูตรผสม 2 ขั้นตอนค่ะ สูตรที่ติ๊กนำมาใช้ เอามาจากบล๊อกเกอร์คุณฉวี โดยสูตรต้นฉบับเป็นของ Mis Chucherias ชาวสเปนค่ะ

     การทำขนมปังโดยผสม 2 ขั้นตอน ก็คือการที่เราหมักแป้งสปองจ์ (Starter) ไว้ก่อน แล้วค่อยนำมาผสมทำแป้งโดว์ วิธีนี้เราจะได้ขนมปังที่นุ่มกว่าผสมขั้นตอนเดียวค่ะ ความนุ่มของสูตรนี้จะนุ่มมากกว่าสูตรขนมปังนมสดกับสูตรขนมปังนวดมือ ที่ติ๊กเคยลงเอาไว้นะคะ

     สูตรนี้ติ๊กลดสูตรลง 10% เพื่อให้ได้แป้งโดว์ในปริมาตรที่พอดีกับพิมพ์โลฟ 12 นิ้ว ติ๊กเคยทำเต็มสูตรแล้วพบว่าปริมาตรเยอะเกินไป พอวางในพิมพ์ทำให้แป้งโดว์ด้านล่างขยายตัวได้ไม่ดีพอ แล้วขนมปังที่ได้ก็สูงมากทำให้เปลือกขนมปังหนาและสีเข้ม เพราะอยู่ใกล้ไฟด้านบน


     เอาละค่ะเรามาเริ่มจากการทำแป้งสปองจ์ หรือ Starter กันก่อนเลยนะคะ

ส่วนผสม Starter
  1. แป้งขนมปัง 135 กรัม
  2. น้ำเปล่า 135 กรัม
  3. ยีสต์แห้งสำเร็จรูป 1 กรัม (ติ๊กใช้ยีสต์หวานยี่ห้อ Self-Instant เพราะที่บ้านจะซื้อแต่ยีสต์หวาน ติ๊กใช้ทำทั้งขนมปังจืดและขนมปังหวานเลยค่ะ) *สามารถใช้ยีสต์ธรรมดา ยีสต์จืด แทนได้ โดยระยะเวลาหมักเหมือนเดิม
วิธีทำ
  1. ร่อนแป้งขนมปังลงโถผสม ใส่ยีสต์ และน้ำเปล่าลงไป ผสมคนให้เข้ากันดี แป้ง Starter ที่ได้จะมีลักษณะเปียกแฉะ
  2. นำพลาสติกถนอมอาหารปิดคลุมภาชนะให้มิดชิด ไม่ให้อากาศเข้า หมักแป้งในอุณหภูมิปกติ 1 ชั่วโมง
  3. หลังจากหมักแป้ง Starter ครบ 1 ชั่วโมงแล้ว ให้นำไปหมักต่อในตู้เย็นนานถึง 16 ชั่วโมง จึงจะนำมาใช้ 
     พอหมักแป้ง Starter ได้ที่แล้วนะคะ ติ๊กก็มาเตรียมลูกเกดก่อนทำแป้งโดว์ค่ะ
  1. ลูกเกด 50 กรัม (จะใช้มากกว่านี้ก็ได้ หรือไม่ใส่ก็ได้จ้า)
  2. น้ำอุ่นจัด 100 กรัม
  3. เหล้ารัม 1-2 ช้อนชา (ไม่จำเป็น)
     เริ่มแรกแช่ลูกเกดในน้ำก่อนนะคะ ติ๊กใช้น้ำอุ่นจัดเทลงไปให้ท่วมลูกเกด (ติ๊กไม่ได้ตวงหรอกนะคะ แค่เทลงไปให้ท่วมลูกเกดก็พอ) และใส่เหล้ารัมลงไปเล็กน้อย ถ้าใครไม่ชอบเหล้ารัมก็ไม่ต้องใส่ค่ะ ติ๊กแช่ลูกเกดประมาณ 20 นาที ลูกเกดก็นิ่มแล้วค่ะ แล้วก็เทน้ำออก บีบลูกเกดให้น้ำออกมาเสียหน่อยนะคะ ไม่ควรให้ลูกเกดอมน้ำมากไป เวลาเอามาใช้ทำขนมปังจะทำให้แฉะได้ จากนั้นติ๊กก็เอากระดาษทิชชู่มาซับน้ำผิวลูกเกดออกนึดนึงค่ะ ไม่ให้มันเปียกเกินไป

     จากนั้นก็มาทำแป้งโดว์กันต่อเลยค่ะ
  1. แป้งขนมปัง 225 กรัม
  2. แป้งเค้ก 90 กรัม
  3. ยีสต์แห้งสำเร็จรูป 5 กรัม (ติ๊กใช้ยีสต์หวาน Self-Instant) ยีสต์จืด ยีสธรรมดาก็ทำได้จ้า ระยะเวลาการขึ้นฟูสังเกตุจากแป้งโดว์เป็นหลัก
  4. นมผง 12 กรัม
  5. น้ำตาลทราย 60 กรัม
  6. เกลือ 5 กรัม
  7. ไข่ไก่ 1 ฟอง (เบอร์ 2)
  8. น้ำเปล่า 60 กรัม (หรือใช้นมสดแทนได้ ถ้าต้องการให้แป้งชุ่มชื้นขึ้น)
  9. เนยเค็ม 45 กรัม (อุณหภูมิห้อง)
  10. แป้ง Starter ที่เตรียมไว้ขั้นตอนแรก
     *สูตรของต้นฉบับจะใส่ยีสต์น้อยมากๆ เลยค่ะ ใส่แค่ 2 กรัมเอง แต่บล๊อกเกอร์คุณฉวีใส่ยีสต์ไปตั้ง 12 กรัมแน่ะ ซึ่งโดยส่วนตัวติ๊กไม่เคยใช้ยีสต์ในปริมาณมากขนาดนี้ในการทำขนมปัง เลยลดสูตรลงมาตามที่ติ๊กเคยใช้ค่ะ และติ๊กก็มีเพิ่มน้ำตาลในสูตร เพราะเป็นคนชอบขนมปังที่รสติดหวานนิดนึงค่ะ *

วิธีทำขนมปัง
  1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศา
  2. ผสมแป้งเค้ก กับแป้งขนมปังให้เข้ากัน แล้วนำมาร่อนใส่โถผสม จากนั้นก็ใส่ยีสต์ลงไป แล้วทำหลุมตรงกลางเอาไว้
  3. เตรียมส่วนผสมของเหลว ผสมน้ำเปล่า นมผง น้ำตาลทราย เกลือ ไข่ไก่ คนให้เข้ากัน แล้วเทลงไปในโถผสมแป้ง
  4. จากนั้นใส่แป้ง Starter ลงไป แล้วนำไปนวดเลยค่ะ ติ๊กใช้เครื่องนวดนะคะ หากใครจะนวดมือก็ทำได้จ้า วิธีการนวดมือดูจากสูตรขนมปังนวดมือที่ติ๊กเคยลงเอาไว้ตามลิงค์นี้ สูตรขนมปังนวดมือ ติ๊กใช้แค่สปีด 2 ในการนวดเป็นหลัก และมีใช้สปีด 3 บ้างในบางช่วงที่จำเป็นต้องใช้แรงเหวี่ยง ให้แป้งยึดติดกับตะขอตี 
  5. เดินเครื่องนวดด้วยสปีด 2 ไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมเข้ากันดี จับตัวเป็นก้อนเดียว แล้วก็ใส่เนยเค็มลงไปนวดต่อ จนกว่าแป้งจะเนียนนุ่ม ไม่ติดมือ ติ๊กไม่ได้จับเวลานะคะ ติ๊กใช้เครื่องนวดไปเรื่อยๆ จนแป้งร่อนไม่ติดก้นโถผสม
  6. จากนั้นก็ใส่ลูกเกดลงไปนวดให้เข้ากันดี หรือจะใส่ตอนขึ้นรูป ค่อยโรยบนแป้งโดว์ก็ได้นะคะ แล้วแต่ชอบ
  7. เมื่อเข้ากันดีแล้ว ติ๊กก็นำออกจากโถผสม นำมานวดๆ คลึงๆ ต่อเล็กน้อย และก็จับฟาดกับโต๊ะ จนแป้งโดว์นุ่มมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ก็เช็คแป้งโดว์ดูว่าสามารถขึงเป็นฟิล์มบางๆได้หรือไม่
  8. จากนั้นก็จัดทรงแป้งโดว์ให้เป็นก้อนกลม และพักแป้งอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ให้แป้งโดว์ขึ้นฟู 2-3 เท่า ก็ใช้ได้ค่ะ ควรนำพลาสติก หรือผ้าเปียก ปิดภาชนะโดว์ให้มิดชิด ไม่ให้อากาศเข้าด้วยนะคะ 
  9. เมื่อแป้งโดว์ขึ้นได้ที่แล้ว เราก็ชกแป้งไล่ลมออก แล้วนำมาขึ้นรูปค่ะ วันนี้ติ๊กขึ้นรูปเป็นขนมปังปอนด์แบบหัวกะโหลก ม้วนเป็นโรลแบบยาวค่ะ
  10. นำแป้งจับยืดกางออกให้เป็นสี่เหลี่ยม ความกว้างให้ได้เท่ากับความยาวของพิมพ์ พับขอบแป้งด้านซ้ายขวาเข้ามา แล้วรีดให้เรียบเสมอเท่าๆกัน แล้วม้วนแป้งขึ้นมา นำมาวางลงในพิมพ์ (ทาไขมันบางๆที่พิมพ์ไว้ด้วยนะคะ)
  11. พักแป้งโดว์ให้ขึ้นเกือบเต็มพิมพ์ ประมาณ 80-90% ของพิมพ์ ติ๊กใช้เวลาพักไปราวๆ 40 นาที
  12. ทา Egg yolk ที่ผิวขนมปัง (ไข่แดงผสมกับนม หรือน้ำ อัตราส่วน 1:1 หรือ 1:2 ก็แล้วแต่ชอบค่ะ หรือจะไม่ทาก็ได้เช่นกัน)
  13. จากนั้นนำเข้าอบด้วยไฟล่าง 160 องศา เป็นเวลา 40-45 นาที
  14. เมื่ออบเสร็จแล้ว นำออกจากพิมพ์เลยค่ะ มาพักทิ้งไว้บนตะแกรง ถ้าอยากให้เปลือกขนมปังเงาสวย เราก็ทาเนยสด แล้วก็พักขนมปังให้คลายร้อนลงเสียหน่อยแล้วค่อยตัดชิ้น
     ขนมปังนุ่มๆ มาเสิร์ฟแล้วจ้า สูตรนี้นุ่มอร่อยทีเดียว ขนมปังสูตรนี้เก็บผ่านไป 3 วัน ก็ยังนุ่ม แต่ติ๊กจะใส่ถุงและปิดปากถุงให้สนิทไม่ให้อากาศเข้า แล้วก็วางไว้ในอุณหภูมิห้องปกตินะคะ วันที่ 3 ถ้าทานไม่หมด ติ๊กก็ย้ายไปเก็บในตู้เย็นแทนค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อเก็บในที่เย็นขนมปังจะกระด้างขึ้น ก่อนทานติ๊กก็นำเข้าเวฟ ไม่ก็จับลงเครื่องปิ้งขนมปังค่ะ ขนมปังก็นุ่มอร่อยเหมือนเดิม




ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Super Soft Sponge Cake

     สวัสดีทุกคนค่า เมนูวันนี้ติ๊กจะมาลองทำ Sponge Cake "Tang mian method" เค้กนุ๊มนุ่ม ไม่ต้องพึ่งสารเสริม SP และผงฟูเลย

     Tang mian method เป็นเทคนิคการทำเค้ก โดยทำให้แป้งสุกก่อนนั่นเอง โดยนำแป้งไปผัดกับเนยละลายที่ร้อนจัด จนแป้งนุ่มเนียน วิธีการนี้จะทำให้เค้กมีความหอมของกลิ่นเนย และเนื้อเค้กมีความนุ่มเนียนมาก เนื่องจากการผัดแป้งกับเนยจะไม่ทำให้เกิดกลูเตนนั่นเอง เพราะแป้งถูกเคลือบด้วยไขมัน จึงทำให้เค้กสูตรนี้มีความนุ่มมากทีเดียว (หลักการที่เขียนมานั้น เอามาจากบล๊อกเกอร์ KitchenTigress) และที่สำคัญเค้กไม่เป็นตับ เป็นไตได้ง่าย แต่อาจจะเป็นโรคยุบหนอ ฟีบหนอแทนได้ เพราะสูตรที่ติ๊กจะทำเป็นการผสมแยกไข่ขาวจ้า

     สูตรต้นฉบับเป็นของ Baking with mi สูตรของเขาจะไม่ใส่ผงฟู แต่จะใช้ไข่เป็นตัวช่วยทำให้ขึ้นฟูเป็นหลัก และอบด้วยวิธีการรองน้ำ ทำให้เค้กสูตรนี้นุ่มเนียนและชุ่มชื้น เป็นเค้กที่ติ๊กหลงรักมากเลยทีเดียว หลงรักแบบว่าถ้าต้องทำเค้กอีก คงใช้สูตรนี้เป็นหลักในการดัดแปลงทำขนมอื่นๆ

     แต่ทว่า... หากเมื่อใดเจอสูตรที่ดีกว่า ติ๊กก็พร้อมจะเปลี่ยนใจทันทีเหมือนกัน แต่เฉพาะเรื่องสูตรขนมน้า ถ้าเป็นเรื่องความรักติ๊กเป็นคนหนักแน่นมั่นคง (แหม...เริ่มนอกเรื่องไปไหนเสียแล้วเรา )



เอาละค่ะมาเข้าเรื่องสูตรกันเลย สูตรเดิม Baking with mi สัดส่วนจะเหมาะสำหรับพิมพ์สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว แต่ติ๊กนำมาดัดแปลงลดทอนลงเป็นสูตรสำหรับ 2 ปอนด์ ใช้พิมพ์วงกลมขนาด 7 นิ้ว โดยมีส่วนผสมดังนี้

ส่วนผสมที่ 1
  1. เนยสดจืด 50 กรัม
  2. แป้งเค้ก 65 กรัม
ส่วนผสมที่ 2
  1. นมสด 65 กรัม
  2. ไข่แดง 5 ฟอง (ใช้ไข่เบอร์ 2)
  3. ไข่ขาว 1/2 ฟอง (ใช้ไข่เบอร์ 2)
  4. วนิลลาสกัด 1/2 ช้อนชา
  5. ส้มสกัด 1 ช้อนชา (ไม่จำเป็นแล้วแต่ชอบ)
  6. เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมที่ 3 
  1. ไข่ขาว 4 + 1/2 ฟอง (ใช้ไข่เบอร์ 2)
  2. น้ำตาลป่น 80 กรัม
  3. ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา (หรือน้ำมะนาวทดแทนกันได้)
วิธีทำ
  1. เตรียมพิมพ์วงกลม 2 ปอนด์ วางกระดาษรองอบที่ก้นพิมพ์ ไม่ต้องทาไขมันใดๆ
  2. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศา ใช้ไฟบนล่าง
  3. ทำการร่อนแป้งเค้กให้เรียบร้อย เตรียมเอาไว้ก่อน
  4. นำเนยสดใส่หม้อ นำไปต้มจนเดือดและปิดไฟ แล้วนำลงจากเตาทันที อย่าวางบนเตานะคะ
  5. คนเนยละลายให้ความร้อนกระจายตัวสัก 5-6 รอบ และใส่แป้งเค้กที่เราร่อนเอาไว้แล้วลงไป 
  6. ผสมแป้งกับเนยให้เข้ากัน จนเนื้อแป้งมีความนุ่มเนียน ขั้นตอนนี้ใช้สปาตูล่าจะผสมได้ดีกว่า
  7. เทนมสดใส่ลงไปในแป้ง เพื่อลดอุณหภูมิแป้งลง ผสมให้เข้ากันดี
  8. เตรียมส่วนผสมไข่แดง ไข่ขาว วนิลลา ส้มสกัด เกลือ ตีให้เข้ากันก่อน แล้วค่อยเทลงในโถผสมแป้ง ติ๊กได้เปลี่ยนเป็นใช้ตะกร้อมือในการผสมแทนจะผสมได้ง่ายขึ้น เมื่อผสมทุกอย่างเข้ากันดีแล้วให้พักแบทเทอร์เอาไว้ก่อน
  9. เตรียมทำเมอแรงค์ สูตรนี้ติ๊กใช้สปีด 2 โดยตีไข่ขาวให้ขึ้นฟองหยาบ และใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ตีต่อจนไข่ขึ้นเป็นฟองละเอียด ให้ทะยอยใส่น้ำตาลลงไปจนหมด
  10. ตีไปเรื่อยๆ จนเป็นเนื้อครีมละเอียดเป็นรอยตะกร้อ ให้หยุดตีแล้วเช็คดูว่าตั้งยอดอ่อนดีหรือไม่ ถ้าลักษณะครีมยังดูเหลว ยังไม่ทรงตัวดี ให้ตีต่ออีกสักหน่อยให้ได้ยอดที่ Firm peak *ถ้าเมอแรงค์ที่ได้ไม่แข็งแรงพอ เค้กที่อบสุกแล้วจะยุบตัวลง*
  11. เมื่อได้เมอแรงค์ตามที่ต้องการ ให้แบ่งเป็น 3 ส่วน นำไปผสมกับส่วนผสมแป้ง ตะล่อมให้เข้ากันดี เมื่อเข้ากันดีแล้วให้ตะล่อมต่ออีกสัก 10-15 รอบ เพื่อให้ส่วนผสมเนียนยิ่งขึ้น
  12. เทแบทเทอร์ลงพิมพ์ ให้เทลงเบาๆ ค่อยๆเท จะช่วยตัดฟองอากาศใหญ่ๆได้ดี
  13. กระแทกพิมพ์ 5 ครั้ง ไล่ฟองอากาศ ติ๊กได้ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มวนๆในเนื้อแบทเทอร์ เพื่อตัดฟองอากาศอีกรอบ (สามารถใช้ส้อม ไม้จิ้มฟันแทนก็ได้ค่ะ) และจากนั้นก็กระแทกพิมพ์อีกรอบ
  14. เตรียมถาดรองอบ เทน้ำร้อนใส่ลงไปถาด ถาดที่ติ๊กใช้เป็นถาดมากับเตาอบขนาด 12x14 นิ้ว ติ๊กเทน้ำร้อนสูง 0.5 ซม. ตามสูตรต้นฉบับติ๊กเห็นเขาใช้ถาดประมาณ 9x9 นิ้ว เทน้ำร้อนสูง 1 ซม. ค่ะ
  15. จากนั้นนำเข้าเตาอบ ใช้ไฟบนล่างด้วยอุณหภูมิ 170 องศา อบเป็นเวลา 15 นาที แล้วลดระดับไฟลงเหลือ 150 องศา อบต่ออีก 30 นาที *ในช่วง 20 นาทีหลัง หน้าเค้กติ๊กเห็นรอยปริแตกเล็กน้อย ติ๊กเปิดฝาเตาให้ความร้อนระบายออกมาแล้วปิดฝาทันที จากนั้นเปลี่ยนอบเป็นไฟบนอย่างเดียวด้วยอุณหภูมิเดิม จนเค้กสุก *ติ๊กไม่ได้ใช้ไฟล่างเหมือนทุกที เพราะยิ่งใช้ไฟล่างเหมือนยิ่งดันเนื้อแบทเทอร์ปะทุขึ้นมา เลยใช้ไฟบนแทนในการแก้ปัญหา แล้วพบว่าสามารถทำให้เค้กด้านบนสุกได้ดี โดยหน้าเค้กไม่ปริแตกเพิ่มแต่อย่างใดค่ะ
  16. เมื่ออบสุกดีแล้ว นำเค้กออกจากเตา พักทิ้งเค้กไว้ในพิมพ์สักครู่ จนกว่าขอบเค้กจะเริ่มร่อนหลุดออกจากพิมพ์ ให้ทำการแซะขอบพิมพ์โดยรอบ และคว่ำเค้ก แต่ถ้าพักเค้กไว้จน 10 นาทีก็แล้ว ขอบเค้กไม่ร่อนออกก็ให้แซะออกนะคะ
  17. ดึงกระดาษรองอบที่ก้นเค้กออก และพลิกด้านหน้าเค้กขึ้นมา อย่าคว่ำนานหน้าเค้กจะติดกระดาษได้ เพราะเค้กมีความชื้นอยู่
     เค้กที่อบได้จะมีความชุ่มชื้น แต่ไม่แฉะ ถ้าเค้กเปียกแฉะชุ่มน้ำ แสดงว่าใส่น้ำรองอบเยอะเกินไป หรือไม่ก็น้ำซึมเข้าไปในพิมพ์ กรณีที่อบโดยวางพิมพ์ในน้ำควรนำฟอยด์ห่อหุ้มพิมพ์ให้มิดชิด หรือวางบนผ้าขนหนูในการรองอบ

     เค้กชนิดนี้สามารถตัดเสิร์ฟทานได้ทันที ตัดทานเลยเค้กจะชุ่มชื้น นุ่มเนียนละลายในปาก อร่อยมากทีเดียวค่ะ

     ในการเก็บเค้ก ควรพักทิ้งเค้กจนเย็นตัวลง ค่อยนำไปเก็บลงในภาชนะให้มิดชิด และควรเก็บในตู้เย็นเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา




ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ชิฟฟ่อนเค้กมะพร้าวอ่อน

สวัสดีทุกคนค่า วันนี้ติ๊กจะชวนทุกคนมาลองทำชิฟฟ่อนเค้กมะพร้าวอ่อน สูตรแม่เดียร์ค่ะ เป็นสูตรที่อร่อยมากๆ อีกหนึ่งสูตร ย้อนไปหลายปีก่อนสูตรนี้ฮิตมาก เป็นเมนูอมตะที่ทำขายก็ดี ทำแจกใครก็เป็นที่ชื่นชอบ ติ๊กรับประกันสูตรนี้อร่อยแน่นอน 99% อีก 1% ละไว้ให้สำหรับคนไม่ชอบทานมะพร้าวนะจ๊ะ


เรามาดูสูตรชิฟฟ่อนมะพร้าวอ่อน สูตรแม่เดียร์กันค่ะ
พิมพ์ที่ใช้พิมพ์ฟอยกลมเบอร์ 3207 (1 สูตรได้ 7 ถ้วย)

ส่วนผสมแห้ง
  1. แป้งเค้ก 70 กรัม (ติ๊กร่อนแป้งเค้กด้วยกระชอนถี่ไว้ก่อนแล้ว 1 รอบ ก่อนที่จะนำมาร่อนลงในโถผสมค่ะ)
  2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  3. เกลือ 1/4 ช้อนชา (สูตรเดิมใช้ 1/2 ช้อนชาค่ะ ติ๊กปรับใส่น้อยลง)

ส่วนผสมของเหลว
  1. ไข่แดง 3 ฟอง (เบอร์ศูนย์)
  2. น้ำตาลทราย 10 กรัม (สูตรเดิม 25 กรัม ติ๊กลดลงไป แต่ไปใส่เพิ่มตอนตีไข่ขาวแทน)
  3. น้ำมะพร้าว 60 กรัม
  4. น้ำมันมะพร้าว 20 กรัม 
  5. น้ำมันทานตะวัน 30 กรัม
ในสูตรบอกใช้น้ำมันพืช ติ๊กเลยเลือกใช้น้ำมันมะพร้าวใส่ไป แต่ไม่ได้ใส่เต็มสููตร เพราะเคยใส่แล้วเค้กที่อบได้เนื้อฉ่ำมาก และมีกลิ่นมะพร้าวฉุนไปค่ะ เลยปรับสัดส่วนเติมน้ำมันทานตะวันผสมไปด้วย

ตามสูตรนี้ไม่ต้องใส่กลิ่นวนิลลา และกลิ่นมะพร้าวแล้วนะคะ เพราะเราได้กลิ่นจากตัวน้ำมะพร้าว และ น้ำมันมะพร้าว อบแล้วหอมมากๆ จนไม่ต้องเติมกลิ่นใดๆเพิ่มเติมเลย

ส่วนผสมเมอแรงค์
  1. ไข่ขาว 3 ฟอง (เบอร์ศูนย์)
  2. น้ำตาลป่น 70 กรัม
  3. ครีมออฟทาทาร์ 1/4 ช้อนชา (หรือน้ำมะนาวทดแทนกันได้ค่ะ)
ท้อปปิ้ง 
  1. เนื้อมะพร้าวอ่อนตามชอบ

วิธีทำชิฟฟ่อนเค้กมะพร้าว

  1. วอร์มเตาอบด้วยไฟ 170 องศา
  2. ร่อนแป้งเค้กด้วยกระชอนถี่เตรียมไว้ก่อนนะคะ จะได้ผสมกับไข่แดงได้ง่ายแป้งจะได้ไม่จับเป็นก้อน
  3. ตีไข่แดงกับน้ำตาลทราย ติ๊กเลือกใช้น้ำตาลทรายเพราะจะได้ใช้เวลาในการตีนานพอ ที่จะทำให้น้ำตาลละลายเกือบหมด ไข่แดงก็จะเป็นสีเหลืองนวล ทำให้ผสมกับแป้งได้ง่ายขึ้นค่ะ แต่ก่อนติ๊กทำชิฟฟ่อนเค้ก ก็ไม่ได้ตีไข่แดงกับน้ำตาลให้เป็นครีมหรอกนะคะ พึ่งจะมาทำเอาหลังๆนี่เอง เพราะไปเห็นพวกช่องยูทูปญี่ปุ่นเขาทำกัน เลยลองบ้าง แล้วพบว่าส่วนผสมเข้ากันง่ายดี แป้งไม่จับตัวเป็นก้อนกับไข่แดง
  4. เมื่อตีไข่แดงกับน้ำตาลละลายดีแล้ว ใส่น้ำมะพร้าว และน้ำมันลงไปผสมให้เข้ากัน
  5. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ลงไป และตะล่อมให้เข้ากันจนไม่เห็นแป้งเป็นเม็ดๆ ก็หยุดค่ะ ถ้าคนนานๆ แป้งจะเหนียวได้ค่ะ แล้วเราก็พักแป้งเอาไว้ก่อนนะคะ
  6. มาทำเมอแรงค์กันต่อค่ะ นำไข่ขาวมาตีด้วยสปีด 3 ตีจนขึ้นเป็นฟองหยาบ และใส่ครีมออฟทาทาร์ หรือ น้ำมะนาวลงไป ตีต่อจนไข่ขึ้นเป็นฟองละเอียด ก็ทะยอยใส่น้ำตาลป่นลงไปค่ะ ตีไปเรื่อยๆจนไข่ขาวจะมีความเงาขึ้น และเนื้อละเอียดมีลักษณะเป็นครีม เราจะเริ่มเห็นรอยตะกร้อตีจางๆ ก็ให้ทำการหยุดตี เช็คเมอแรงค์ ซึ่งจุดนี้เมอแรงค์ตั้งยอดอ่อนได้แล้วนะคะ แต่ว่าอาจจะอ่อนปวกเปียกแบบเหลว ไม่แข็งแรง 
  7. ให้เดินเครื่องตีต่อจนเราเริ่มเห็นรอยตะกร้อชัดขึ้น ตรงจุดนี้ให้ระวังในการตีนะคะ รอยตะกร้อยิ่งชัดมาก แสดงว่าเมอแรงค์ก็ยิ่งเฟิร์มมากขึ้น ถ้าตีมากเกินไปฟองอากาศจะเยอะมาก ตีให้ได้จุด Firm Peak ก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ 
  8. เมื่อได้เมอแรงค์ตามที่ต้องการ ก็นำแบ่งใส่ 3 ส่วน ผสมลงในส่วนผสมของแป้งที่เตรียมไว้เมื่อสักครู่ ทำการตะล่อมให้เข้ากัน เมอแรงค์ที่ตีได้ที่จะผสมง่ายมาก และไม่ยุบตัวง่ายนะคะ
  9. เมื่อผสมเข้ากันไม่เห็นไข่ขาว ให้ตะล่อมปาดก้นโถ และด้านข้างต่ออีกสัก 10-15 รอบ ให้เนื้อเนียนยิ่งขึ้น และให้แน่ใจว่าผสมไข่ขาวได้ดีแล้วจริงๆ
  10. เทแบทเทอร์ลงในพิมพ์ ติ๊กใช้พิมพ์ฟอยด์กลม อบพวกทาร์ตพาย เบอร์ 3207 เทแบทเทอร์ลงไป 4/5 ของพิมพ์ เวลาอบออกมาเค้กจะขึ้นฟูเต็มขอบสวยงามพอดีเป๊ะค่ะ
  11. ติ๊กใช้ไม้จิ้มฟัน มาวนๆ แบทเทอร์เป็นการตัดฟองอากาศใหญ่ และเกลี่ยแบทเทอร์ให้กระจายตัว เมื่อวนเสร็จแล้วให้กระแทกพิมพ์ 3-5 ครั้งไล่ฟองอากาศอีกทีนะคะ (ในคลิปติ๊กลืมกระแทกพิมพ์ เลยทำให้มีฟองอากาศใหญ่อยู่ก้นเค้ก)
  12. นำเนื้อมะพร้าวมาตกแต่งด้านหน้าเค้กตามใจชอบค่ะ
  13. จากนั้นนำไปอบ ติ๊กอบไฟล่าง 170 องศาเป็นเวลา 8 นาที และเปลี่ยนเป็นไฟบนล่าง อบต่ออีก 5 นาที เพื่อให้หน้าเค้กสวย
  14. เมื่อเค้กสุกดีแล้ว ให้นำออกจากเตา พักทิ้งเค้กบนตะแกรงให้เย็น ก็ปิดฝาได้เลยค่ะ
ควรเก็บเค้กมะพร้าวอ่อนในตู้เย็นนะคะ เพราะเราใส่น้ำมะพร้าว และเนื้อมะพร้าว จะทำให้เค้กนี้เสียได้ง่าย ควรเก็บในตู้เย็นตลอดเวลาจนกว่าจะทาน



ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking



วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ซาลาเปาไส้หมูสับ


สวัสดีทุกคนค่า จากคราวก่อนที่ติ๊กได้ทำหมั่นโถวไป และได้แบ่งแป้งโดว์ครึ่งนึงมาเก็บไว้ เพื่อมาทำซาลาเปาใส่ไส้หมูสับ วันนี้ติ๊กก็ได้เตรียมเครื่องหมูสับไว้พร้อมแล้ว ก็เลยมาชวนทุกคนมาเข้าครัวอีกครั้ง มาทำซาลาเปาไส้หมูสับกันค่า



ในสูตรนี้ ติ๊กจะไม่กล่าวถึงตัวแป้งซาลาเปาแล้วนะคะ ว่าทำอย่างไร สามารถดูสูตรแป้งได้ที่ http://www.msandmrsbrown.com/2017/05/chinese-stream-bun-ep1.html

สูตรไส้หมูสับ *จะทำได้ 18 ลูก พอดีกับสูตรแป้งซาลาเปา*
  1. หมูสับ 400 กรัม (ควรอยู่ในอุณหภูมิเย็นจัด ให้นำไปแช่ฟรีชสัก 1-2 ชั่วโมงก่อนนำมาใช้)
  2. กระเทียมโขลก 15 กรัม
  3. รากผักชีโขลก 5 กรัม
  4. หอมแดงสับละเอียด 20 กรัม
  5. ต้นหอมซอย 10 กรัม
  6. ซี้อิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
  8. ผงปรุงรสหมู 1 ช้อนชา
  9. พริกไทยขาว 1/2 ช้อนชา
  10. พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา
  11. น้ำตาลป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  12. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
  13. ผงฟู 1/4 ช้อนชา
  14. น้ำมันงา (ใส่ตามชอบแต่ไม่จำเป็น)
  15. เหล้าจีน (ใส่ตามชอบแต่ไม่จำเป็น)

วิธีทำไส้หมูสับ
  1. นำทุกอย่างมาผสมกัน และนวดให้เนื้อหมูสับมีความเหนียวหนึบ แล้วพักไว้ในตู้เย็นจนกว่าจะนำออกมาใช้
  2. แบ่งแป้งโดว์ก้อนละ 40 กรัม ปั้นเป็นวงกลมให้เรียบร้อย แล้วให้หยิบแป้งมาขึ้นรูปโดยเรียงจากก้อนที่เราปั้นเสร็จก่อนตามลำดับ
  3. ติ๊กขึ้นรูปรอบละ 3 ลูก นำแป้งออกมารีดเป็นแผ่นวงกลม โดยให้รีดขอบแป้งบางกว่าตรงกลาง *ถ้าแป้งโดว์ติดไม้โรล หรือ โต๊ะ สามารถใช้แป้งซาลาเปาโรยแป้งโดว์ได้เท่าที่จำเป็น*
  4. ตักไส้หมูสับประมาณ 1 ช้อนโต๊ะพูนเล็กน้อย ต่อ 1 ลูก ก็จะใส่ได้พอดีกับสูตรแป้ง 18 ลูก สามารถใส่ไข่เค็ม ไข่ต้ม กุนเชียง เห็ดหอม ได้ตามชอบ
  5. จากนั้นก็ห่อซาลาเปา จะห่อแบบไหนก็ได้ ตามที่เราถนัด แต่ต้องห่อปิดปากซาลาเปาให้สนิทดี เพื่อไม่ให้ตอนพักแป้ง และตอนนึ่งแป้งซาลาจะพองตัวดันออก ทำให้ซาลาเปาปากอ้าแตกไม่สวย *ด้วยที่สูตรนี้ไม่ใช่ซาลาเปาหน้าแตก ดังนั้นเมื่อแป้งถูกดันให้แตกออก มันจะแตกไม่สวย จะดูเหมือนซาลาปากอ้ามากกว่า*
  6. เมื่อห่อไส้ครบทุกลูก ก็พักแป้ง 30-40 นาที หรือจนแป้งโดว์ขึ้นฟู 80% ของเท่านึง ระหว่างนี้อย่าลืมไปต้มน้ำในลังถึงรอไว้เลยค่ะ
  7. เมื่อแป้งโดว์ขึ้นฟูดีแล้ว ก็นำไปนึ่ง นึ่งไฟแรงปานกลาง 12 นาที ระหว่างนึ่งห้ามเปิดฝาซึ้งเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นซาลาเปาจะยุบฟีบและติดเหลือง
  8. นึ่งเสร็จแล้ว ให้ปิดเตา นำซาลาเปาออกจากซึ้ง หรือจะพักไว้ในซึ้งก่อนก็ได้ โดยให้เราเปิดฝาหม้อเพื่อระบายความร้อนในซึ้งออกมา นำผ้ามาเช็ดฝาด้านในให้แห้งก่อนจะปิดฝาอีกครั้ง 

*ไม่ควรพักซาลาเปาทิ้งไว้ในซึ้งนานเกินชั่วโมง อาจทำให้ซาลาเปาแฉะได้
*การเก็บซาลาเปา นำซาลาเปาออกมาพักไว้บนตะแกรงให้เย็นสนิท แล้วเก็บใส่ถุงหรือภาชนะให้มิดชิด แล้วเก็บใส่ตู้เย็น เนื่องจากเป็นซาลาเปาใส่ไส้ ไม่ควรเก็บตู้เย็นนานเกิน 3 วัน 
*ถ้าทำเยอะทานไม่หมด ให้นำไปแช่ฟรีช สามารถยืดอายุการเก็บได้นานเป็นเดือน เมื่อต้องการจะทานก็นำออกมาวางไว้ในอุณหภูมิห้องจนหายแข็ง แล้วนำไปเวฟพร้อมกับน้ำร้อนจัดไม่เกิน 1 นาที ก็ได้ซาลาเปาร้อนๆ อร่อยเหมือนเดิมค่ะ






ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

Preserved Pineapple

สับปะรดกวน          ด้วยที่ติ๊กอยากจะทำพายสับปะรด ก็เลยจะทำสับปะรดกวนเองเสียหน่อย เพราะไม่ได้ทำยาก แต่จะเสียเวลามากกว่า ติ๊กใช้เวลาพอคว...