วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Nut Cookies

ใกล้ปีใหม่ทีไร ติ๊กจะต้องอบคุกกี้มอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ ให้กับลูกค้าเสมอ ปีนี้ก็อีกเช่นเคย แต่ติ๊กได้ปรับสูตรคุกกี้ใหม่ เน้นให้ความหอมมันจากเนย และความฟูกรอบร่วนของคุกกี้ โดยสูตรคุกกี้ตัวนี้ ติ๊กสามารถนำมาใช้ทำคุกกี้ได้หลายรส ไม่ว่าจะเป็น คุกกี้รวมมิตรถั่ว คุกกี้คอนเฟลกราสเบอรี่ คุกกี้ช็อคโกแล็ตชิพ แต่สำหรับวันนี้ติ๊กนำเสนอคุกกี้รวมมิตรถั่ว เพราะเป็นรสชาติที่ถูกปากผู้หลักผู้ใหญ่มาก ทานแล้วไม่เลี่ยน เรียกได้ว่าทานกันเพลินเลยทีเดียว


สูตรคุกกี้ถั่ว รวมมิตร สูตรหวานน้อย
‪***คุกกี้สูตรนี้อบได้ประมาณ 1 กิโล ค่ะ
1. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 320 กรัม
2. ผงฟู 2 ช้อนชา
3. เนยสดเค็ม pure cream 80% 200 กรัม
4. เนยขาว 40 กรัม
5. น้ำตาลทราย 180 กรัม (ถ้าใครชอบหวาน เพิ่มน้ำตาลไปอีก 15-20 กรัมไปเลยค่ะ)
6. ไข่ไก่เบอร์ 0 1 ฟอง
7. วนิลลาสกัด 2 ช้อนชา
8. อัลมอนบดหยาบ 30 กรัม
9. เม็ดมะม่วงบดหยาบ 40 กรัม
10. แมคคาดิเมียสับหยาบ 40 กรัม


วิธีทำคุกกี้‬
1. นำแป้งกับผงฟูผสมรวมกัน นำไปร่อน 1 ครั้ง และพักไว้ก่อน
2. นำเนยสด เนยขาว เนยเย็นๆหน่อยนะค่ะ นำมาตีให้เนยอ่อนตัว ใช้สปีดต่ำสุด พอให้เนยทั้ง 2 ชนิดเข้ากัน
3. จากนั้นใส่น้ำตาล ลงไปตีกับเนย ใช้สปีดกลาง ให้ขึ้นฟูเล็กน้อย ติ๊กใช้เวลาไปประมาณ 1 นาทีครึ่ง
4. ตอกไข่ใส่ถ้วย ตีไข่ค่ะ เหมือนทำไข่เจียว ผสมวนิลลาลงในไข่เลยค่ะ แล้วค่อยๆเทเป็นสาย ทีละนิด ลงในเนย สังเกตุว่าเมื่อใส่ไข่ปุ๊บ เนยจะขึ้นฟูมากขึ้นเป็นสีขาว อย่าตีนานนะค่ะ ติ๊กใช้เวลาไม่ถึงนาที แค่ตีให้เข้ากันและฟูขึ้นอีกเล็กน้อยก็พอค่ะ
5. ใส่แป้งค่ะ ปรับเป็นสปีดต่ำ ด้วยที่ติ๊กทำในปริมาณเยอะ จะแบ่งแป้งใส่เป็น 3 รอบ พอเริ่มเข้ากันนิดหน่อย ก็ใส่ถั่วทั้งหมด ตีให้พอเข้ากัน
6. จากนั้นนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆค่ะ แล้วแต่จะปั้นเลยค่ะ ติ๊กใช้ตัวช่วยที่ตักไอติม ข้อดีคือ ได้คุกกี้ปริมาตรเท่าๆกัน และชิ้นกลมสวยค่ะ
7. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 160C เปิดพัดลม ประมาณ 20-25 นาที ระหว่างอบกลับถาด 1 ครั้ง ประมานนาทีที่ 12-15 ค่ะ 
8. อบเสร็จ ตักคุกกี้ออกจากถาด พักบนตะแกรงให้เย็น แล้วเก็บในภาชนะที่มิดชิด เพื่อคงความกรอบนาน



ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Cream Cheese Cookies

คุกกี้ครีมชีสแครนเบอรี่


     ช่วงนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่แล้ว ติ๊กก็นั่งคิดๆว่า เราจะทำเมนูอะไรดีนะ ที่จะให้เป็นของฝากญาติๆ เพื่อนๆ อยากจะลองเมนูใหม่ๆ บ้าง เพราะคราวก่อนปีที่แล้ว ติ๊กได้ทำคุกกี้เนยสดช็อคชิพ และ คุกกี้คอนเฟลก ปีนี้อยากจะเปลี่ยนแนวคุกกี้บ้าง เลยมาลองสูตรคุกกี้ครีมชีส

      ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า คุกกี้ครีมชีสสูตรนี้ ติ๊กเคยได้ทำไปแล้วครั้งนึง แต่ยังไม่โอเคเท่าไรนัก จึงต้องมีการปรับสูตร ซึ่งรอบนี้ในการทำติ๊กได้ปรับสูตรจากคราวก่อน อบออกมาแล้วอร่อยทีเดียว จึงนำสูตรมาลงในบล๊อกให้เพื่อนๆ ได้ลองทำกันดูมั่ง

      คุกกี้ครีมชีส รสชาติที่ได้จะหวานน้อย อาศัยความหวานเปรี้ยวจากราสเบอรี่ ทำให้รสชาติลงตัว และเนื้อคุกกี้สูตรนี้จะไม่ฟูมากนัก เนื้อจะค่อนไปทางหนักหน่อย ออกแน่นเล็กน้อย

      ด้วยที่มีครีมชีสในส่วนผสม และต้องการให้คุกกี้มีความกรอบ จึงทำให้ในขั้นตอนการอบนั้น ต้องใช้เวลาอบที่นานกว่าสูตรคุกกี้ทั่วไป ติ๊กใช้เวลาอบโดยรวม 40 นาที โดยแบ่งการอบออกเป็น 2 รอบ เพราะถ้าอบนานติดกัน 40 นาที คุกกี้อาจไหม้ได้

      เคยอ่านเจอว่าการอบคุกกี้นานเกินไป จะทำให้คุกกี้ไม่หอม แต่สำหรับติ๊กแล้ว บอกเลยว่ายังหอมมากๆ เปิดกระปุกออกมากลิ่นลอยฟุ้งเลย

สูตรคุกกี้ครีมชีส
  1. เนยเค็ม 60 กรัม
  2. ครีมชีส 40 กรัม
  3. น้ำตาล 35 กรัม (สูตรหวานน้อยนะ ชอบหวานเติมไปได้อีก 15 กรัม)
  4. แป้งอเนกประสงค์ 105 กรัม
  5. เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
  6. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  7. วนิลลาสกัด 1/2 ช้อนชา
  8. แครนเบอรี่อบแห้ง 55 กรัม
วิธีทำคุกกี้ครีมชีส
  1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศา
  2. นำแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา ผสมเข้าด้วยกัน และพักไว้
  3. ตีเนยเค็ม และ ครีมชีส ให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำตาล และตีด้วยความเร็วปานกลาง ให้ขึ้นฟูเล็กน้อย เราใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที
  4. จากนั้นใส่กลิ่นวนิลลา ตีให้พอเข้ากัน (แต่ในคลิปที่เราอัด เราลืมใส่กลิ่นวนิลลาจ้า แต่ก็ไม่มีผลต่อความอร่อยนะ...อิอิ)
  5. ร่อนแป้ง ผสมให้พอเข้ากัน และใส่แครนเบอรี่ โดว์ที่ได้จะไม่แฉะ จะออกเป็นขุ่ยๆ
  6. นำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ วางลงบนถาดรองด้วยกระดาษไข และใช้ส้อมกดให้แบน
  7. นำเข้าเตาอบ อบนาน 30 นาที ระหว่างการอบให้กลับด้านถาดด้วย และนำออกมาพักไว้ประมาณ 5 นาที และนำเข้าอบต่ออีก 10 นาที เพื่อให้คุกกี้กรอบ
      กรณีเพื่อนๆ ไม่มีแครนเบอรี่อบแห้งไม่ใส่ได้มั้ย ส่วนตัวขอบอกว่าถ้าไม่ใส่ ความอร่อยคุกกี้จะดร๊อปลงไปมาก จะค่อนข้างเลี่ยนๆ ควรมีผลไม้อบแห้งเปรี้ยวๆ ผสมไปด้วยจะดีกว่าจ้า

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Dark Chocolate Brownies

ดาร์คช็อคบราวนี่




     หลังจากที่ห้องครัวของติ๊กได้ปูกระเบื้องเสร็จ ติ๊กก็เปิดเตาอบ ประเดิมเมนูแรกคือ ดาร์คช็อคบราวนี่ ซึ่งติ๊กตั้งใจจะทำบราวนี่ให้หน้ากรอบ แต่ผลที่ออกมายังกรอบไม่ได้ดั่งใจมาก เพราะไข่ไก่ที่ใช้ เป็นไข่เก่า เก็บมานานเกือบเดือน อีกทั้งตอนตีไข่ ไม่ได้ใช้เครื่องตี ใช้ตะกร้อมือ แบบว่าเหนื่อยมาก แขนล้า เลยทำให้ตีไข่ยังไม่ขึ้นเป็นครีมเงามากนัก แต่ก็พอทำให้หน้าบราวนี่กรอบได้อยู่

     บราวนี่ที่ได้สำหรับสูตรนี้ ผิวบราวนี่ด้านบนจะแห้งกรอบ รสชาติจะไม่หวาน และเข้มข้นด้วยช็อคโกแล็ตเต็มๆคำ ซึ่งจะเหมาะสำหรับคนชอบทานช็อคแบบเข้มๆ ออกขมๆ

สูตรดาร์คช็อคบราวนี่
  1. ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 3 ฟอง
  2. น้ำตาลทราย 150 กรัม (สำหรับคนชอบหวานให้เพิ่มน้ำตาลตามระดับความชอบ 15-50 กรัม)
  3. ช็อคโกแล็ต Ghirardelli 60% Cacao 180 กรัม
  4. ช็อคโกแล็ตแท่ง HERSHEY'S Unsweetened Chocolate 60 กรัม
  5. เนยเค็ม 150 กรัม
  6. ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
  7. วนิลลาสกัด 2 ช้อนชา
  8. แป้งเอนกประสงค์ 100 กรัม
ขั้นตอนการทำบราวนี่
  1. นำกระดาษไขมาปูบนพิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 8x8 นิ้ว
  2. นำช็อคโกแล็ตทั้งหมดตามข้อ 3,ข้อ 4 และเนย ไปตุ๋นให้ละลาย จากนั้นใส่ผงโกโก้ และวนิลลา คนให้เข้ากัน พักไว้ให้เย็น
  3. ตีไข่ไก่กับน้ำตาล ให้น้ำตาลละลายให้หมด และเนื้อไข่กลายเป็นครีมเงางาม (เราใช้มือตีประมาณ 10 นาทีได้)
  4. นำช็อคโกแล็ตและเนยที่ละลายไว้แล้ว นำมาเทใส่ส่วนผสมไข่ แล้วคนให้เข้ากันดี จนส่วนผสมข้นหนืด
  5. ใส่แป้งเอนกประสงค์ แล้วผสมให้เข้ากัน เมื่อเข้ากันดีแล้วให้ตะล่อมคนต่ออีกสัก 5 รอบ
  6. เทส่วนผสมลงในพิมพ์ และเกลี่ยหน้าให้เรียบ นำเข้าอบไฟบนล่าง อุณหภูมิ 180C อบ 25 นาที (ประมาณนาทีที่ 23 เราเช็คสุก โดยเอาไม้จิ้มไฟไปจิ้มเนื้อบราวนี่ตรงกลาง จะมีเศษคราบช็อคติดขึ้นมาเป็นคราบแห้งๆ ถือว่าใช้ได้แล้ว เอาออกจากเตาได้ หรือใครจะอบต่ออีก 2-3 นาที ให้แห้งกว่านี้ก็ได้ แล้วแต่ชอบ)
     สำหรับบราวนี่สูตรนี้ ติ๊กเอาไปแจกจ่ายให้เพื่อนๆ ที่ออฟฟิศได้ทานกัน เสียงตอบรับทุกเสียง บอกว่าช็อคโกแล็ตเข้มข้นมาก ไม่เคยทานที่ไหนได้เข้มเท่านี้เลย ส่วนรสหวานนั้น ส่วนใหญ่บอกหวานกำลังดี และส่วนน้อยรู้สึกว่าไม่หวาน และน้อยที่สุดๆ มีเพียงเสียงเดียว บอกว่าหวานไปนิด ว่ากันด้วยเรื่องความหวาน แต่ละคนมีระดับความหวานที่รับรู้ไม่เท่ากันเนาะ ถ้าเพื่อนคนไหนนำสูตรนี้ไปทำ ลองปรับระดับน้ำตาลตามที่เราชอบดูจ้า

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2558

น้ำสลัดเพื่อสุขภาพ Soy Sauce Salad Dressing

น้ำสลัดซอสถั่วเหลือง


      ช่วงนี้ติ๊กเห่อทานผักสลัดมาก เพราะเวลาได้ทานแล้วมันสดชื่น แลดูผิวพรรณ และสุขภาพดี๊ดี ทานสัก 1 มื้ออาหาร สักมื้อใดมื้อหนึ่ง เลยเป็นที่มาว่าอยากจะทำน้ำสลัดเองดีกว่า เพราะเราทำเองเราจะรู้ดีว่าเราใส่อะไร วัตถุดิบที่เราเลือกใช้ก็คัดสรร จัดเต็มตามที่เราต้องการ และแน่นอนว่าสูตรที่ติ๊กจะนำเสนอ เป็นสูตรเพื่อสุขภาพ ทุกส่วนผสมเลือกแบบ Healthy มาเลยทีเดียว
      ปกติส่วนตัวชอบทานสลัดน้ำใส เพราะมันไม่เลี่ยนดี และที่ถูกใจมากๆ เห็นทีจะเป็นน้ำสลัดญี่ปุ่น ที่จะออกเค็มๆ หวานๆ แต่เวลาซื้อเขาทาน หรือทานสลัดที่ร้านอาหารญี่ปุ่น รู้สึกว่าน้ำสลัดมันเค็มจัง เค็มมากเลยทีเดียว เลยคิดว่าถ้าทำทานเองที่บ้าน ปรุงรสตามชอบจะดีกว่า น้ำสลัดก็เก็บได้นานด้วย แต่ก็นะทานสลัดทุกวัน เผลอแป๋บๆ น้ำสลัดก็หมดแล้วจ้า

      ส่วนผสมน้ำสลัดซอสถั่วเหลือง เราทำสูตรแบบให้จำง่ายมั่กมาก แบบว่าใส่ทุกอย่าง 2 ช้อนโต๊ะหมดเลย ส่วนรสชาตินะหรอ ก็จะติดหวานหน่อย ไม่ค่อยเค็มมากนัก และเปรี้ยวเล็กน้อย ลองมาดูกันว่าส่วนผสมทั้งหมดมีอะไรกันบ้าง

สูตรน้ำสลัดซอสถั่วเหลือง
  1. น้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำส้มสายชูหมักข้าวกล้องญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
  4. ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะ (เราใช้ Kikkoman ฝาเขียว)
  5. หอมใหญ่สับละเอียดตามชอบ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
  6. งาขาวคั่วตามชอบ
วิธีทำ
ถ้าใส่หอมใหญ่ ให้ตั้งน้ำมัน และนำหอมใหญ่มาเจียวให้หอมก่อน และค่อยใส่เครื่องปรุงทุกอย่างลงไปเคี่ยว จนน้ำสลัดเดือดดีแล้ว ปิดเตาใส่งาขาว

เมนูนี้วิธีทำไม่มีอะไรซับซ้อน ง่ายสุดๆจ้า เราก็เลยไม่รู้จะเขียนอะไรให้มันเยอะยังไงดี ใครบังเอิญผ่านมาแล้วลองสูตรดูแล้ว ก็มาเล่าให้ฟังกันบ้างน้า ว่าเป็นไงบ้าง

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Sweetened Condensed Milk นมข้นหวาน

Sweetened Condensed Milk นมข้นหวาน


         เหตุผลดลใจที่ทำให้ติ๊กต้องมาทำนมข้นหวานทานเอง ก็เพราะว่าอยากจะลด และหลีกเลี่ยง บริโภคไขมันทรานส์ให้น้อยลง ทุกวันนี้เราทานอาหารนอกบ้าน ทานขนม ก็มีไขมันทรานส์ปนอยู่มากมาย และไหนเราจะดื่มเครื่องดื่มชา กาแฟ ที่ซื้อตามร้านบ้าง รถเข็นบ้าง เคาท์เตอร์บ้าง ซึ่งแทบทุกร้านเลยใช้นมข้นเป็นวัตถุดิบหลัก หรือบางทีก็ใช้คอฟฟี่เมท หรือครีมเทียมนั่นเอง แอดมินก็มานั่งคิดๆว่า เราดื่มทุกวันเลย อย่างน้อยวันละ 1 แก้ว ยังไม่รวมขนมอื่นๆ ที่มีไขมันตัวร้ายนี้แฝงอยู่ รับมันมาทุกวันจนเริ่มชักหวาดหวั่น เลยจากที่ซื้อเขาดื่มอยู่ทุกวัน ก็ซื้อน้อยลง และหันมาชงดื่มเอง โดยใช้น้ำเชื่อม แต่ก็นะน้ำเชื่อมมันไม่มันเข้มข้น เท่ากับนมข้น และนมข้นเองก็เป็นวัตถุดิบในการทำขนมบางอย่างด้วย เช่น ไอศครีม น้ำสลัด ซอส เลยคิดว่ามาทำนมข้นทานเองดีกว่า และไว้ใช้เป็นวัตถุดิบปรุงขนมได้อีกด้วย ก็เลยมานั่งหาข้อมูลว่าหลักการทำนมข้นต้องใช้อะไรกันบ้าง จนเป็นที่มาของสูตรนมข้นนี้จ้า

สูตรนมข้นหวาน
  1. นมสด 2 ถ้วย (เราใช้นมสดจิตรลดา)
  2. น้ำตาล 150 กรัม (ถ้าชอบหวานน้อยลดเหลือ 120 กรัม)
  3. เนยสด 30 กรัม (ถ้ามี)
  4. วนิลลาสกัด 1/2 ช้อนชา (ถ้ามี)
วิธีทำนมข้นหวาน
  1. นำนมสดกับน้ำตาลมาต้นจนเดือด และลดระดับไฟเป็นไฟปานกลาง เคี่ยวนมสดประมาณ 30 นาที จากนั้นค่อยเร่งไฟให้นมเดือดอีกครั้ง
  2. ใส่เนยสดลงไป และเคี่ยวไฟแรงสัก 2-3 นาที แล้วปิดเตา
  3. ใส่วนิลลาสกัด แต่ในคลิปเราไม่ได้ใส่ เพราะลืมอ่ะจ๊ะ
  4. พักนมข้นหวานให้หายร้อน ระหว่างที่พักทิ้งไว้ ให้มั่นมาคนบ่อยๆ ให้นมข้นเนื้อเนียน
คำแนะนำ
  1. หลังจากพักนมข้นให้คลายร้อน นมข้นอาจมีไขจับตัวที่ผิวด้านบน ให้นำนมข้นมากรองด้วยผ้าขาวบางเอาไขออก
  2. ระหว่างพักนมข้นให้เย็นตัวมั่นคนนมข้นบ่อยๆ เพื่อให้เนื้อเนียน
ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

Sizzler Cheese Toast ขนมปังซิสเล่อร์

Sizzler Cheese Toast ขนมปังซิสเล่อร์


ปกติเวลาทานสเต็กซิสเล่อร์ ทางร้านจะมีขนมปังมาเสิร์ฟ โดยผิวด้านนึงของขนมปังจะถูกกริลล์มาเหลืองกรอบ รสชาติเค็มนิดๆ กรอบนอกนุ่มใน อร่อยมาก แต่เวลาที่แอดมินไปที่ร้านซิสเล่อร์ มักไม่ทานขนมปัง เพราะทานทีไรอิ่มจนทานอย่างอื่นไม่ค่อยได้ จึงเป็นที่มาให้มาทำทานเองที่บ้านดีกว่า
ขนมปังซิสเล่อร์เป็นเมนูที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก เป็นเมนูโปรดปรานของคุณแม่แอดมินทีเดียว

ส่วนผสม Sizzler Cheese Toast
  1. ขนมปังแบบใดก็ได้ตามชอบ
  2. เนยสด
  3. พามาซานชีส
***อัตราส่วนการใช้อยู่ที่ความชอบ อยากได้ชีสเยอะก็ใส่เยอะตามใจเลย

วิธีทำ Sizzler Cheese Toast
  1. ผสมเนย พามาซานชีส คลุกให้เข้ากัน และนำมาปาดบนขนมปัง ปาดให้เต็มพื้นที่ขนมปังจะได้ออกมาเหลืองสวย และกรอบ
  2. จากนั้นนำมาย่างบนกระทะเทฟล่อน ต้องกระทะเทฟล่อนเท่านั้นนะจ๊ะ ถ้าใช้กระทะอื่นชีสจะติดกระทะและไหม้
  3. ตั้งไฟกลางๆ และกระทะควรอยู่สูงหน่อย หากเตาของใครไม่มีฐานตั้งกระทะให้สูง ให้ลดไฟให้อ่อนลง
  4. นำขนมปังด้านชีสคว่ำลงบนกระทะ อย่าคว่ำแช่ ควรถูขนมปังไปมาบนกระทะ และพลิกกลับด้านเพื่อให้ด้านชีสคลายความร้อน และไม่ให้ไหม้ และคว่ำด้านชีสกริลล์ใหม่ ทำแบบนี้ประมาณ 3 รอบ หรือ จนด้านชีสด้านกรอบเหลืองตามที่ต้องการ ก็นำขึ้นเสิร์ฟ
***ขนมปังที่ได้จะกรอบนุ่ม หอมมัน มีรสเค็มจากชีสเล็กน้อย
***ในการกริลล์นั้นต้องใจเย็นๆ อยากได้กรอบๆ แบบไม่ไหม้ ใช้เวลาหน่อย หากใครกริลล์โดยไฟแรงไป ชีสจะเกรียมและไหม้เร็ว ชีสที่ได้จะกรอบแบบแข็งๆ มีรสขมปน

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2558

เค้กกล้วยหอม สูตรน้ำตาลโตนด

Banana Muffin (เค้กกล้วยหอมน้ำตาลโตนด)


เค้กกล้วยหอมสูตรนี้ สูตรคล้ายๆกับสูตรแรก ต่างกันแค่เปลี่ยนน้ำตาล และวิธีการทำด้วยเริ่มจากการตีไข่กับน้ำตาลก่อน จนน้ำตาลละลายหมด และมีลักษณะเป็นเนื้อครีมเล็กน้อย จึงทำให้เนื้อเค้กที่ได้มีความนุ่มขึ้น และเนื้อไม่แน่นเท่า เค้กกล้วยหอมสูตรโยเกิร์ต ครั้งก่อนค่ะ

อุปกรณ์ที่ควรเตรียม
  1. โถผสมอาหาร
  2. ตะกร้อมือ
  3. พิมพ์ใส่เค้กกล้วยหอม (เราใช้กระทงจีบ)
  4. ที่ตักไอศครีม หรือ จะใช้อะไรก็ได้ที่ตนเองถนัดก็ได้
ส่วนผสมเค้กกล้วยหอม

ส่วนผสมแห้ง (Dry Ingredient)
  1. แป้งเค้ก 180 กรัม (180g Cake Flour)
  2. ผงฟู 1/2 (1/2 Tsp Baking Powder)
  3. เบกกิ้งโซดา 3/4 (3/4 Tsp Baking Soda)
  4. เกลือ 1/4 (1/4 Tsp Salt)
ส่วนผสมเปียก (Wet Ingredient)
  1. ไข่ไก่ 2 ฟอง (2 Eggs)
  2. น้ำตาลโตนด 120 กรัม (120g Palmyra palm sugar)
  3. กรีกโยเกิร์ต 200 กรัม (200g Greek yogurt)
  4. กล้วยบด 300 กรัม (300g Mashed Bananas)
  5. น้ำมันทานตะวัน 150 กรัม (150g Sunflower Oil)
  6. วนิลลาสกัด 1 ช้อนชา (1 Tsp Vanilla Extract)
วิธีทำเค้กกล้วยหอม
  1. หากใช้น้ำตาลโตนดแว่น ควรนำน้ำตาลไปปั่นให้ละเอียดก่อนนำมาใช้
  2. ตีไข่ไก่กับน้ำตาล จนกว่าน้ำตาลจะละลายให้หมด และขึ้นเป็นครีมเล็กน้อย
  3. จากนั้นใส่กล้วยบด โยเกิร์ต น้ำมัน วนิลลาสกัด และคนให้เข้ากัน
  4. ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา เกลือ ทั้งหมด ใส่ลงในส่วนผสมเปียก
  5. คนให้เข้ากันดี และตักใส่พิมพ์ที่ต้องการ
  6. นำเข้าอบ ไฟล่าง 200C เป็นเวลา 10 นาที หรือ เนื้อเค้กขึ้นฟูเต็มที่ แล้วค่อยปรับลดระดับไฟเหลือ 180C ไฟบนล่าง อบต่ออีก 10 นาที
ลักษณะเค้กกล้วยหอมโยเกิร์ต
      เนื้อเค้กที่ได้จะมีความนุ่มขึ้นกว่าสูตร เค้กกล้วยหอมสูตรโยเกิร์ต โดยความนุ่มเกิดจากการตีไข่กับน้ำตาลให้ขึ้นฟูเป็นครีมนวล แต่เค้กที่ได้เมื่ออบสุกแล้วหน้าจะไม่ปูดเท่า เค้กกล้วยหอมสูตรโยเกิร์ต

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

คุกกี้เนยสด

คุกกี้เนยสด (Butter Cookies)


คุกกี้สูตรนี้ เนื้อที่ได้จะบางฟูกรอบ โดยหลักสำคัญคือการตีเนยให้ขึ้นฟูเป็นครีม และผสมไข่ตีให้เข้ากันเป็นครีมขาวนวล จะได้เนื้อขนมที่ฟูเบา และที่สำคัญหากใช้เนยสดแท้ จะทำให้คุกกี้สูตรนี้หอมเนยมากๆ

อุปกรณ์ที่ควรเตรียม
  1. เครื่องตีส่วนผสม
  2. ที่ตักไอศครีมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.25 นิ้ว หรือ ช้อนตวง 1 ช้อนชา
ส่วนผสมในการทำคุกกี้เนยสด (Butter Cookies)
  1. เนยเค็ม 227 (Pure Creamy 80%)
  2. น้ำตาลทราย 135 (สูตรหวานน้อย ถ้าชอบหวานปรับน้ำตาลเป็น 150 กรัม)
  3. ไข่ไก่ (เบอร์2) 1 ฟอง + ไข่ขาว 1 ฟอง
  4. วนิลาสกัด 1 ช้อนชา
  5. แป้งอเนกประสงค์ 240 กรัม
  6. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  7. เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำคุกกี้เนยสด (Butter Cookies)
  1. วอร์มเตาอบ ใช้ไฟบนล่าง ที่อุณหภูมิ 160 องศา เปิดพัดลมค่ะ
  2. นำเนยสดที่เย็นนำมาตี ใช้สปีดต่ำ ตีจนเนยอ่อนตัว
  3. เมื่อเนยนิ่มแล้ว ให้ใส่น้ำตาลลงไป เปลี่ยนระดับตีเป็นสปีดกลาง ตีเนยกับน้ำตาลให้ขึ้นฟูเป็นครีม
  4. ใส่ไข่ไก่+วนิลลา โดยตีส่วนผสมไข่เหมือนทำไข่เจียวไว้ก่อน และค่อยๆทะยอยเทไข่ไก่ทีละน้อย อย่าใส่พรวดเดียวหมด เพราะจะทำให้ไขมันกับน้ำแยกชั้น และตียาก ตีเนยกับไข่ให้เพียงเข้ากันเป็นเนื้อครีม ไม่ต้องตีนาน และส่วนผสมจะต้องไม่แยกชั้นเป็นลิ่มๆ
  5. ผสมแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา คนให้เข้ากัน และนำมาร่อนใส่ส่วนผสมเปียก แบ่งแป้งทะยอยใส่ 2 รอบ
  6. ปรับระดับการตีสปีดต่ำ ตีส่วนผสมแป้งเพียงแค่เข้ากันพอ
  7. เนื้อโดว์ที่ได้จะค่อนข้างเหลวแฉะ แต่สามารถนำมาหยอดได้เลย ไม่ต้องใส่ตู้เย็นก็ได้ แต่ถ้าใครใช้ช้อนปั้นคุกกี้ อยากให้ปั้นง่ายๆ ก็นำเข้าตู้เย็น ให้แข็งตัวเล็กน้อย
  8. การหยอดคุกกี้ จะใช้อุปกรณ์หยอดคุกกี้ก็ได้ หรือ ที่ตักไอศครีม หรือ ช้อนตวง ตามแต่ถนัดและชอบ
  9. นำเข้าอบ ด้วยไฟ 160 องศา เปิดพัดลมกระจายความร้อน อบนานประมาณ 20-25 นาที ให้สังเกตุสีขนมดูค่ะ ว่าสีสวยรึยัง ก็นำออกมาจากเตา
  10. นำคุกกี้ออกจากถาดอบ มาพักทิ้งไว้บนตะแกรง ให้คลายร้อน ติ๊กทิ้งไว้สัก 15-20 นาที ก็นำมาบรรจุลงในภาชนะแล้วค่ะ
TIPs
  1. คุกกี้จะมีกลิ่นที่หอมมาก อยู่ที่การใช้เนย ควรใช้เนยแท้ และเลือกใช้วนิลลาสกัด (ไม่ใช่กลิ่นสังเคราะห์)
  2. ความกรอบฟูเบา อยู่ที่การตีเนยให้ขึ้นฟูได้ที่ และต้องไม่ผสมไข่นานเกินไป 

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

ขนมปังนมสด

Milk Bread ขนมปังนมสด


อุปกรณ์ที่ควรเตรียม
  1. เครื่องตีขนมปัง (ถ้าไม่มี ก็สามารถใช้มือนวดได้นะ แต่เหนื่อยหน่อย)
  2. โรลนวดแป้ง (ถ้าไม่มี สามารถใช้มือนวดปั้น ขึ้นรูปเป็นก้อนกลมๆ แทนก็ได้จ๊ะ)
  3. ภาชนะสำหรับพักแป้ง (ทาไขมันที่พิมพ์ให้เรียบร้อย)
  4. พิมพ์โลฟ 10 - 12 นิ้ว  (ทาไขมันที่พิมพ์ให้เรียบร้อย)
  5. ผ้าขาวบาง (หรือ แร๊พห่ออาหาร)
ส่วนผสมขนมปังนมสด
  1. แป้งขนมปัง 400 กรัม
  2. ยีสแห้งสำเร็จรูป 2 ช้อนชา
  3. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  4. น้ำตาล 60 กรัม
  5. นมสด150 มิลลิลิตร
  6. ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 1 ฟอง
  7. วนิลลาสกัด 1/4 ช้อนชา
  8. เนยสดเค็ม 50 กรัม
ขั้นตอนการทำขนมปังนมสด
  1. นำนมสด น้ำตาล ไข่ไก่ วนิลลาสกัด ผสมคนให้น้ำตาลละลายให้หมด
  2. ร่อนแป้ง ใส่ยีสต์ เกลือ คนให้พอเข้ากัน
  3. นำส่วนผสมเปียกที่ผสมไว้แล้ว (ตามข้อ 1) มาเทลงในโถผสมที่ได้เตรียมแป้งไว้
  4. นวดแป้ง โดยเราใช้เครื่องนวดความเร็วปานกลาง จนแป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนเล็กๆ ก็ใส่เนยสด
  5. แป้งจะมีลักษณะเปียกแฉะ ให้นวดไปเรื่อยๆ จนแป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนโต และเริ่มเนียน
  6. ตีแป้งให้เนียน จนแป้งไม่ติดขอบโถผสม เมื่อเอามือไปหยิบแป้งโดว์จะไม่มีแป้งติดมือ
  7. แป้งโดว์ที่ได้จะมีความเหนียว เนียน เมื่อนำมาขึงแล้วจะได้เป็นแผ่นฟิล์มบางๆ ถือว่าแป้งโดว์ใช้ได้
  8. น้ำแป้งมาพักทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือ ให้แป้งพองตัวเป็น 2 เท่า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
  9. เมื่อแป้งขึ้น 2 เท่า ให้นำมาไล่ลมออก ทำการนวดๆ คลึงๆ เพื่อขึ้นรูปตามที่ต้องการ
  10. เราใช้พิมพ์โลฟขนาด 12 นิ้ว ทำการทาไขมันให้ทั่วพิมพ์
  11. นำแป้งที่ขึ้นรูปแล้วมาวางในพิมพ์ และปิดฝา พักทิ้งไว้ให้แป้งโดวขึ้นเป็น 2 เท่า
  12. หลังจากแป้งขึ้นดีแล้ว ให้ทา Egg wash ที่ผิวหน้าขนม
  13. นำเข้าอบด้วยอุณหภูมิ 180C ไฟล่าง เป็นเวลา 35-40 นาที

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Honey Whole Wheat Bread สูตรอาหารคลีน

Honey Whole Wheat Bread


วันนี้เรามาทำขนมปังฮันนี่โฮลวีท ปราศจากไขมันนม เนย ไข่ แต่ยังคงความนุ่ม รสชาติอร่อย หอมน้ำผึ้งอ่อนๆ เรามาดูวิธีทำกันเลยจ้า

ก่อนอื่นเราจะมาทำแป้งเปียกกันก่อน (Thangzong Method)
ส่วนผสมแป้งเปียก
1. แป้งขนมปัง 35 g
2. น้ำเปล่า 120 กรัม
วิธีทำ
ผสมทั้ง 2 อย่าง คนให้เข้ากัน และนำไปเคี่ยวด้วยไฟปานกลาง ขั้นตอนนี้ใช้เวลาแป๋บเดียว ควรคนแป้งตลอดเวลา จนแป้งเริ่มข้นเหนียว สังเกตุว่าแป้งจะเป็นรอยคนเป็นเส้นๆ เป็นอันใช้ได้ และนำมาพักทิ้งไว้ให้อยู่ในอุณหภูมิปกติ ถึงจะนำมาใช้ได้

ขั้นตอนถัดมาเราจะมาทำขนมปังฮันนี่โฮลวีทกัน โดยมีส่วนผสมดังนี้
ส่วนผสมแห้ง
1. แป้งโฮลวีท 250 กรัม
2. แป้งขนมปัง 165 กรัม
3. ยีสแห้งสำเร็จรูปชนิดหวาน 10 กรัม (Instant Yeast)
4.เกลือ 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสมเปียก
1. แป้งเปียกทั้งหมด
2. น้ำเปล่า 100 กรัม
3. น้ำผึ้ง 55 กรัม
4. น้ำมันทานตะวัน หรือ น้ำมันคาโนล่า 55 กรัม

อุปกรณ์
1. เครื่องตีแป้ง
2. พิมพ์โลฟขนาด 12X12 หรือ 10x10 นิ้ว
3. ภาชนะพักแป้ง
4.Wrap ห่ออาหาร หรือ ผ้าขาวบ้าง

วิธีทำ
1. นำส่วนผสมแห้งผสมรวมกันให้เข้ากัน
2. นำส่วนผสมเปียกผสมรวมกัน และนำไปผสมในส่วนผสมแห้ง และคนให้พอเข้ากัน จากนั้นนำไปตีด้วยเครื่องนวด
3. ตีด้วยเครื่องนวดสปีดกลาง จนกว่าแป้งโดว์จะเนียน
4. นำโดว์มาพักไว้ลงภาชนะที่ทาเนยไว้แล้ว พักทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือ จนกว่าโดว์จะขยายตัวขึ้นเป็น 2 เท่า
5. เมื่อโดว์ขึ้นเป็น 2 เท่า ให้นวดไล่ลมออก และตัดแบ่งโดว์ออกเป็น 4 ส่วน (น้ำหนักแป้งที่ได้มาทั้งหมด 817 กรัม )
6. นำโดว์มาปั้นเป็นก้อนกลมๆ และวางลงในพิมพ์ที่ทาเนยไว้แล้ว รอโดว์ขึ้นประมาณ 2/3 ของพิมพ์ หรือ 2 เท่า และนำเข้าอบไฟล่าง 180C ประมาณ 35 นาที

TIP: ในการตีแป้ง หากตีไปประมาณ 20 นาทีแล้ว แป้งยังเปียกเหลว ให้เติมแป้งขนมปังเล็กน้อย

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558

พายแอปเปิ้ลดอกกุหลาบ Apple Rose Pie

             

เนื่องจากคุณแม่อยากทานพาย ประจวบเหมาะกับวันนี้เป็นวันแม่ ก็นึกๆว่าจะทำพายอะไรให้ท่านดี ให้ดูเป็นพิเศษหน่อย เลยไปเจอสูตรของคุณ Manuela ที่ได้ทำ Apple Rose Pie เป็นอะไรที่สวยงามมาก เลยรีบไปหาซื้อวัตถุดิบ ลงมือทำทันที แต่มีส่วนที่ปรับสูตรนิดเดียวคือขั้นตอนการหมักแอปเปิ้ล ซึ่งติ๊กเอาไปเคี่ยวกับคาราเมลแทน เพื่อความเข้มข้นของแอปเปิ้ลค่ะ

สูตร Apple Rose Pie (พายแอปเปิ้ลดอกกุหลาบ)
1. แป้งพายสำเร็จรูป 1 แผ่น (10x10 นิ้ว)
2. แอปเปิ้ล 2 ลูก (นำมาผ่าครึ่งควานเมล็ดออก และหั่นบางๆ)
3. มะนาว 2 ลูก (คั้นน้ำให้เรียบร้อย)
4. น้ำเปล่าประมาณ 2 ถ้วย (นำมาแช่แอปเปิ้ล)
5. แยมแอปปริคอท 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ (นำมาผสมแยมแอปริคอท)
7. น้ำตาล 1/2 ถ้วย
8. เนยสด 20 กรัม

วิธีทำ
1. นำน้ำมะนาวผสมกับน้ำเปล่า และนำแอปเปิ้ลที่หั่นไว้แล้วลงไปแช่ทิ้งไว้
2. ทำคาราเมล โดยใส่น้ำตาลลงในกระทะตั้งไฟปานกลาง จนน้ำตาลเริ่มละลาย ใส่เนย ใส่แอปเปิ้ล ผัดให้เข้ากัน จนเนื้อแอปเปิ้ลอ่อนนิ่มพอที่จะม้วนกุหลาบ ก็ปิดเตา
3. นำแป้งพายสำเร็จรูปมาแบ่ง เราทำได้ 5 ดอก เนื่องจากแป้งพายเราขนาด 10x10 นิ้ว เราแบ่งเป็น 5 แผ่น ขนาด 2x10 นิ้ว
4. นำแยมแอปปริคอทกับน้ำเปล่าผสมกัน ไปเวฟให้เดือด นำมาทาแป้งพายให้ทั่ว
5. วางแอปเปิ้ลบนพาย โดยให้แอปเปิ้ลโผล่จากพายมานิดนึง เรียงซ้อนทับกันครึ่งหนึ่งของแอปเปิ้ลอีกชิ้น
6. พับแป้งพายขึ้นมา และม้วน ระวังแอปเปิ้ลจะปลิ้นออก จับดีๆจ้า
7. นำใส่พิมพ์ เราใช้พิมพ์จีบอลูมิเนียม (ทาเนยและโรยแป้งให้ทั่วพิมพ์ก่อนนะ)
8. นำไปอบไฟล่าง 190C เวลา 40 นาที

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขนมปังปิ้งเสียบไม้

ขนมปังปิ้งเสียบไม้

     
     
        เมนูขนมปังปิ้งเสียบไม้ เป็นเมนูทำง่าย ไม่มีความซับซ้อน ใครๆก็ทำได้โดยไม่ต้องมีสูตร เพียงแต่เราอยากจะทำขนมปังปิ้งหน้าอะไร ก็เลือกมาตามใจ และเสิร์ฟด้วยการเสียบไม้ลูกชิ้น ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการรับประทาน และสร้างความน่าสนใจให้กับขนมปังปิ้งที่แตกต่างจากการเสิร์ฟในจานแบบเดิมๆ
        ในคลิปนี้เป็นการบอกขั้นตอนการทำขนมปังปิ้งเสียบไม้ ในแบบฉบับของติ๊ก โดยมีวัตถุดิบคือ
1. ขนมปังปอนด์ที่ยังไม่ได้สไลด์
2. เนยสด

        ส่วนท้อปปิ้งในการทำขนมปังปิ้งเสียบไม้ ติ๊กได้ใช้ เชดด้าชีส, เบคอน, อัลมอนด์สติ๊ก, ช็อคโกแล็ตกานาซ, น้ำผึ้ง ก็ได้ขนมปังปิ้งถึง 4 หน้าด้วยกัน อร่อยถูกใจคนที่บ้าน เสิร์ฟปุ๊บ หมดปั๊บทันที
        จริงๆ แล้วไอเดียขนมปังปิ้งเสียบไม้ ก็ไม่ได้เป็นเมนูที่แปลกใหม่อะไรมาก เพราะเราจะเห็นว่ามีร้านขายขนมปังบางร้านก็ขายแบบเสียบไม้ เพียงแต่มิสแอนด์มิสซิสบราวน์ หยิบมาทำแล้วจัดท้อปปิ้งตามใจตัวเอง ซึ่งตามร้านขายขนมปังปิ้งเสียบไม้ ไม่นิยมเสิร์ฟท้อปปิ้งแบบนี้ ส่วนใหญ่มักจะขายเป็น เนยน้ำตาล เนยนม เนยน้ำผึ้ง สังขยา ช็อคโกแล็ตซอส มากกว่า


ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เค้กกล้วยหอมโยเกิร์ต เนื้อนุ่มแน่น อร่อยเข้มข้นไปด้วยกล้วย และได้ความหอมมันจากโยเกิร์ต

เค้กกล้วยหอมโยเกิร์ต (Yogurt Banana Muffin)



อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1. โถผสมอาหาร 2 โถ แบ่งเป็นโถผสมของแห้ง และ โถผสมของเปียก
2. ไม้พายสำหรับผสมและปาดโถ 1 อัน
3. กระทงจีบไซส์ 4218 กับพิมพ์อลูมิเนียม หรือ ถ้วยปาเนตไซส์เล็ก
4. ที่ตักไอศครีม หรือ ช้อนตวงตักส่วนผสมลงพิมพ์

ส่วนผสมเค้กกล้วยหอมโยเกิร์ต แบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนผสมแห้ง
1. แป้งเค้ก 180 กรัม
2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
3. เบกกิ้งโซดา 3/4 ช้อนชา
4. เกลือ 1/4 ช้อนชา
5. น้ำตาลป่น 120 กรัม
6. น้ำตาลทรายแดง 30 กรัม

ส่วนผสมน้ำ
1. ไข่ไก่(เบอร์ 0) 2 ฟอง
2. กรีกโยเกิร์ต 250 กรัม
3. กล้วยหอมสุกงอมบดละเอียด 300 กรัม
4. วนิลลาสกัด 1 ช้อนชา
5. เนยละลาย 40 กรัม
6. น้ำมันพืช 80 กรัม

ขั้นตอนและวิธีการทำเค้กกล้วยหอม
1. นำไข่ไก่ กับ วนิลลาสกัด มาตีให้เข้ากัน เหมือนทำไข่เจียว และเทลงในโถผสม
2. ใส่ส่วนผสมน้ำทั้งหมด กรีกโยเกิร์ต, กล้วยหอมบด, เนยละลาย และน้ำมัน ในโถผสมไข่ คนให้เข้ากันดี
3. เตรียมส่วนผสมแห้ง เริ่มจากร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา เกลือ น้ำตาล และคนให้เข้ากัน
4. นำส่วนผสมแห้งมาเทลงส่วนผสมน้ำ และผสมให้เข้ากันดี แล้วตักแบ่งลงพิมพ์
5. นำเค้กกล้วยหอม เข้าอบอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10-12 นาที หรือ จนกว่าหน้าขนมจะปูดนูนเซ็ตได้อยู่ตัว ค่อยปรับลดเหลือ 180 องศาเซลเซียส อบต่อประมาณไม่เกิน 10 นาที หรือหน้าขนมสีเหลืองสวย ก็ใช้ได้แล้ว ค่อยนำออกจากเตา

ลักษณะเค้กกล้วยหอมโยเกิร์ต
เนื้อเค้กที่ได้จะเนื้อแน่น แต่นิ่ม หากใครชอบแบบฟูนิ่มมาก ควรใช้สูตรตีไข่ให้ขึ้นเป็นครีมนวล แต่เค้กที่ได้เมื่ออบสุกแล้วจะมีโอกาสยุบตัว หน้าไม่ปูด

การอบเค้กกล้วยหอมให้หน้าปูดสวยงาม ขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้
1. สูตรเค้ก ควรเป็นสูตรมัฟฟิน ไม่ต้องตีไข่ หรือ ตีเนยให้ขึ้นฟู
2. พิมพ์ที่ใช้อบ ควรเป็นพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นถ้วยที่ชันตรง ไม่ควรให้ปากพิมพ์บานอ้าออก เพราะอบออกมาหน้าเค้กจะบานไปด้านข้าง ไม่ดันตัวให้ขึ้นปูดอย่างที่ควรจะเป็น
3. อุณหภูมิในการใช้อบ ควรใช้ไฟแรง 200C อบจนกว่าหน้าเค้กจะปูด และเริ่มสร้างเปลือกที่ผิวเค้กด้านบน ค่อยปรับไฟลงเหลือ 180C
4. เค้กกล้วยหอมสุกเร็ว ใช้เวลาโดยรวมในการอบไม่เกิน 20 นาที อย่าอบนานเกินเนื้อเค้กที่ได้จะแห้งไป

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เต้าหู้เย็น สูตรนมถั่วเหลือง แจกสูตรและวิธีทำ

เต้าหู้เย็น

ในเวลานี้ของว่างที่กำลังอินเทรนด์ และฮิตสุดๆ คงต้องยกให้กับเมนูเต้าหู้เย็น
วันนี้ติ๊กเสนอวิธีการทำเต้าหู้เย็น สูตรนมถั่วเหลือง รสชาติดั้งเดิม มาดูสูตรและวิธีการทำกันเลยนะคะ (สูตรนี้เนื้อเต้าหู้จะเด้งนิ่ม)


เต้าหู้เย็น (สูตรนมถั่วเหลือง) หวานน้อย
ส่วนผสม
1. นมถั่วเหลือง 100% ชนิดจืด 1.5 ถ้วย
2. นมสด 1 ถ้วย
3. น้ำตาลอ้อย 1.5 ช้อนโต๊ะ
4. คอร์นไซรัป 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่มีไม่ต้องใส่ ให้ไปเพิ่มน้ำตาลอีก 1 ช้อนโต๊ะ หรือจะเปลี่ยนเป็นนมข้นหวานก็ได้จ๊ะ)
5. ผงวุ้น 1 ช้อนชา หรือถ้าชอบแบบนิ่มๆ ก็เหลือ 3/4 ช้อนชา
6. ผงเจลาติน 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำผงเจลาตินไปแช่น้ำเย็นพักทิ้งไว้ให้เจลาตินดูดน้ำจนอิ่มตัว แล้วนำไปเวฟอุณหภูมิสูงสุดสัก 10 วินาที เพื่อให้เจลาตินละลาย แล้วนำมาพักทิ้งไว้
2. นำนมถั่วเหลือง นมสด น้ำตาล ไซรัป ผงวุ้น เทผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำไปตุ๋น หรือ ต้ม หากนำไปตุ๋นจะใช้เวลานาน แต่ไม่ต้องระวังเรื่องน้ำเต้าหู้จะไหม้ อุณหภูมิในการตุ๋นต้องได้ในระดับ 90C เพื่อให้ผงวุ้นละลาย หากนำไปต้มควรใช้ไฟกลางและต้องคนตลอดเวลาจนกว่าน้ำร้อนจัด หรือใกล้เดือด ให้นำทัพพีมาลองตักดูว่ามีผงวุ้นติดมามั้ย ถ้าไม่มีแปลว่าผงวุ้นละลายหมด ให้ยกลงจากเตา ไม่จำเป็นต้องต้มให้เดือด เดี๋ยวไขมันในนมจะแยกชั้น
3. นำเจลาตินที่ละลายแล้วใส่ในส่วนผสมคนให้เข้ากัน
4. นำผ้าขาวบางวางทบกันสัก 3-4 ชั้น วางบนลงกระชอน แล้วนำน้ำเต้าหู้มากรองผ่านกระชอน
5. จากนั้นตักน้ำเต้าหู้ใส่พิมพ์ที่เราต้องการ พักทิ้งไว้ให้เย็น แล้วค่อยห่อแร็พเก็บใส่ตู้เย็น
6. สำหรับคนที่อยากตกแต่งเต้าหู้เย็นในแบบที่กำลังฮิต ให้ใช้พิมพ์เป็นชามกลมๆ ใส่ประมาณครึ่ง หรือ ค่อนชาม (แต่ส่วนตัวคิดว่าหาพิมพ์ที่พอดีกันน่าจะดีกว่า เพราะถ้าใช้ชามก้นลึกเหมือนของเราในคลิป เราหยอดเต้าหู้แค่ครึ่ง เวลาแกะออกจากพิมพ์เสี่ยงต่อการพังสูง เพราะทำพังไปแล้ว 1 ก้อนอ่ะจ๊ะ ถ้าได้ชามแบบพอดีก็น่าจะลดความเสี่ยงในขั้นตอนนี้นะ)
7. การนำเต้าหู้เย็นออกจากพิมพ์ ให้ใช้นิ้วกดขอบๆ เต้าหู้ จนเต้าหู้หลุดจากพิมพ์ และให้นำจาน หรือ ภาชนะที่แบนราบ มาครอบบนชาม และพลิกด้านขึ้นมา ขั้นตอนนี้ควรเบามือเพราะเต้าหู้สูตรนี้จะนิ่ม อาจเละแตกได้ง่าย
8. ขั้นตอนสุดท้าย สำคัญสุดๆ คือ การบั้ง ซึ่งจะมี 2 วิธี
    วิธีแรก ถ้าเรามีเกร็ดนำแข็งมารองใต้เต้าหู้ให้นูนตรงกลาง สามารถบั้งโดยการกรีดเป็นเส้นตรงยาว เต้าหู้จะแบะออกมาเอง กรีดเพียงสามเส้นขนานกันก็พอจ้า
    วิธีสอง แต่หากเราไม่มีอะไรรองเลย วางเต้าหู้กับจาน อาจต้องใช้เทคนิคการกรีดเป็นตัววี เหมือนที่เขาแชร์กัน ซึ่งติ๊กก็ต้องกรีดแบบนี้เหมือนกัน

    เต้าหู้เราจะสวยมากสวยน้อยก็ตรงที่กรีดและตกแต่งนี้แหละจ้า แต่ติ๊กไม่ค่อยจะถนัดเลย ผลงานออกมาอย่างถูไถ โชคดีที่เต้าหู้ไม่พัง หวังว่าคลิปนี้เพื่อนๆที่เข้ามาชมจะชอบกัน ลองทำดูนะคะ ว่าจะอร่อยถูกใจกันมั้ย ปรับสูตรน้ำตาลตามความหวานของแต่ละบุคคลนะ ย้ำว่าสูตรนี้หวานน้อย เหมาะสำหรับทานคู่กับท้อปปิ้งพวกช็อคโกแล็ต หรือผลไม้ที่หวานจัด และถ้าใครชอบให้เต้าหู้นิ่มๆ ก็ลดผงวุ้นเหลือ 3/4 ช้อนชาได้ แต่ไม่ควรน้อยกว่านี้แล้วนะ

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บราวนี่สูตรอร่อย ชุ่มฉ่ำด้วยช็อคโกแล็ต เนื้อหนึบหนับเมื่อนำเข้าตู้เย็น



Fudge Brownies

บราวนี่ เป็นขนมที่หาทานได้ไม่ยาก ตามร้านเบเกอรี่ทั่วไปต้องมีเมนูนี้วางขาย แต่ว่าจะมีสักกี่ร้านกันที่จะถูกใจ หลายครั้งที่ติ๊กไปตระเวณซื้อบราวนี่มาชิม ก็รู้สึกรสชาติมันไม่ใช่ บางร้านบราวนี่ก็ไม่มีความเข้มข้นของช็อคโกแล๊ต ไม่หอมเนย เนื้อบราวนี่ร่วน เพราะใส่แป้งเยอะเกิน บางทีก็หวานจัด จึงทำให้ติ๊กเข้าครัวอบบราวนี่เองดีกว่า

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1. โถผสมอาหาร 1 โถ
2. หม้อสำหรับต้มน้ำ 1 หม้อ
3. ตะกร้อมือ 1 อัน
4. ไม้พายสำหรับปาดโถ 1 อัน
5. ถาดอบขนาด 8x8 นิ้ว
6. กระดาษไขรองอบ

ส่วนผสม
1. เนย 120 กรัม
2. ดาร์คช็อคโกแล็ต 58% 150 กรัม
3. ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาล 100 กรัม
5. ไข่ไก่(เบอร์ 0) 2 ฟอง
6. วนิลลาสกัด 2 ช้อนชา
7. แป้งอเนกประสงค์ 65 กรัม
8. ดาร์คช็อคชิพ 80 กรัม

ขั้นตอนและวิธีการทำบราวนี่
1. นำกระดาษไขมารองถาดให้เรียบร้อยก่อน
2. เปิดเตาอบ เพื่อวอร์มเตาเอาไว้เลยที่อุณหภูมิ 180C ไฟบน-ล่าง
3. ตั้งหม้อต้มน้ำให้ร้อน จนมีไอน้ำระเหยขึ้นมา แล้วนำโถผสมอาหารตั้งบนหม้อต้ม โถจะต้องไม่สัมผัสกับน้ำโดยตรง
4. ใส่ช็อคโกแล็ต เนยสด ผงโกโก้ ลงในโถผสม ใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมไปเรื่อยๆ จนกว่าส่วนผสมจะละลายหมด และเข้ากันดี จากนั้นให้ปิดเตา เพื่อลดอุณหภูมิลง
5. ใส่น้ำตาลลงไปในโถผสม คนจนน้ำตาลละลาย และยกโถลงจากหม้อไอน้ำ
6. ตีไข่ไก่เหมือนเราทำไข่เจียว และค่อยๆเทลงในโถผสม ระหว่างเทไข่ ให้เราตีส่วนผสมให้เร็ว ตีจนส่วนผสมเข้ากันดี เนื้อส่วนผสมจะข้นหนืดขึ้น
7. ใส่วนิลลาสกัด และคนให้เข้ากัน
8. ร่อนแป้ง และค่อยๆ ตะล่อมแป้งให้เข้ากัน จนไม่เหลือเม็ดแป้งจับตัวเป็นก้อน และใส่ช็อคชิพ
9. เทส่วนผสมลงบนพิมพ์ 8x8 นิ้ว แล้วนำเข้าเตาอบ 20 นาที

เมื่ออบเสร็จแล้วควรพักบราวนี่ไว้ให้เย็นลงก่อน อย่างน้อย 1 ชั่วโมง แล้วค่อยนำมาตัดเสิร์ฟ
เนื้อบราวนี่ที่ได้ จะแน่นฉ่ำด้วยช็อคโกแล็ต ถ้านำไปใส่ตู้เย็นทานตอนเย็นๆ เนื้อบราวนี่จะหนึบมาก

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

Preserved Pineapple

สับปะรดกวน          ด้วยที่ติ๊กอยากจะทำพายสับปะรด ก็เลยจะทำสับปะรดกวนเองเสียหน่อย เพราะไม่ได้ทำยาก แต่จะเสียเวลามากกว่า ติ๊กใช้เวลาพอคว...