วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Double Chocolate Soft Butter Cake

     สวัสดีทุกคนค่า กลับมาอีกครั้งกับสูตรเค้กไม่ใส่ผงฟูจ้า จากคราวก่อนติ๊กได้ลงสูตร Cranberry Yogurt Ogura Cake ที่เป็นชิฟฟ่อนไม่ใส่ผงฟูไป มาคราวนี้จึงนำสูตรเค้กช็อคโกแลตไม่ใส่ผงฟูมาฝากกันบ้าง
แต่จะทำสูตรคล้ายคราวก่อนเกรงว่าจะจำเจ ก็เลยเปลี่ยนบ้างไรบ้าง ดัดแปลงสูตรจากของเดิมจนกลายมาเป็น Double Chocolate Soft Butter Cake


 
     สูตรเค้กช็อคนี้ไม่ได้ใช้เพียงแต่ผงโกโก้อย่างเดียวนะคะ  ได้มีใส่ช็อคโกแลตและเนยละลายลงไปด้วย เพื่อให้เค้กมีความหอมฉ่ำ จึงทำให้เนื้อเค้กมีความคล้ายบัตเตอร์ แต่จะนุ่มเบา เนื้อไม่หนักเลยค่ะ ทานได้เพลินๆ

     สำหรับคนที่ชอบเนื้อแบบชิฟฟ่อน ไม่อยากใส่ช็อคโกแลตและเนย ปรับสูตรโดยเพิ่มผงโกโก้อีก 15 กรัม โดยไม่จำเป็นต้องลดแป้งเค้ก ตัดส่วนผสมช็อคโกแลตออกไปไม่ต้องใส่ และเปลี่ยนจากเนยเป็นน้ำมันแทนค่ะ เพียงแค่นี้ก็จะได้เค้ก Chocolate Ogura Cake เนื้อจะเหมือนกับ Cranberry Yogurt Ogura Cake ที่ติ๊กเคยทำไว้ค่ะ

Double Chocolate Soft Butter Cake *พิมพ์สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว*

ส่วนผสมที่ 1
  1. แป้งเค้ก 40 กรัม
  2. ผงโกโก้ 25 กรัม (ติ๊กใช้ยี่ห้อ Van Houten)
  3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  4. ไข่แดง 4 ฟอง (เบอร์ 2)
  5. ไข่ทั้งฟอง 1 ฟอง (เบอร์ 2)
  6. น้ำตาลทราย 25 กรัม
  7. นมสด 40 กรัม
  8. เนยเค็ม 50 กรัม
  9. ดาร์คช็อคโกแลต 50 กรัม (แนะนำให้ใช้ช็อค 58% ขึ้นไป แต่ในคลิปใช้ดาร์คช็อค Cocoa 70% ยี่ห้อ Lindt)
  10. วนิลลาสกัด 2 ช้อนชา
ส่วนผสมที่ 2
  1. ไข่ขาว 4 ฟอง (เบอร์ 2)
  2. น้ำตาลป่น 80 กรัม
  3. ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา (หรือน้ำมะนาวทดแทนได้ค่ะ)
วิธีทำ
  1. วอร์มเตาอบไฟบนล่างที่อุณหภูมิ 140 องศาไว้ก่อนเลยค่ะ
  2. วางกระดาษไขที่ก้นพิมพ์ให้เรียบร้อย ไม่ต้องทาไขมันใดๆ วันนี้ติ๊กใช้พิมพ์ 8x8 นิ้วเหมือนเคย แบบว่ามันอบง่าย สุกเร็ว ติ๊กจึงชอบใช้พิมพ์สี่เหลี่ยมเป็นพิเศษค่ะ
  3. จากนั้น ให้ละลายเนยกับช็อคโกแลตเตรียมเอาไว้ ติ๊กใช้วิธีละลายโดยนำช็อคและเนยใส่ชาม แล้วนำไปวางในน้ำร้อนจัด แต่ใครจะใช้วิธีการละลายโดยนำไปเวฟก็ได้นะค่ะ โดยส่วนตัว ติ๊กไม่ค่อยจะชอบเวฟเพราะมันร้อนเร็วทำให้เนยกระเด็น เมื่อละลายเสร็จแล้วก็พักเอาไว้ก่อนนะคะ เราจะมาตีไข่แดงกับน้ำตาลกัน
  4. ใส่ไข่แดง ไข่ทั้งฟอง และน้ำตาล ลงในโถผสม แล้วตีให้เนียน จนเป็นครีมสีเหลือง
  5. เมื่อตีไข่ดีแล้ว ก็ใส่นมสดลงไปผสมให้เข้ากัน
  6. นำเนยกับช็อคโกแลตที่ละลายเตรียมไว้ เทใส่ลงไปผสมให้เข้ากันดี *ไม่ควรให้เนยกับช็อคร้อนนะคะ อาจทำให้ไข่สุกได้
  7. ใส่วนิลลาสกัดลงไปผสมพอเข้ากัน
  8. ร่อนแป้งเค้ก ผงโกโก้ เกลือ ลงในโถผสมไข่ แล้วตะล่อมให้เข้ากันดีจนไม่เห็นเป็นเม็ดแป้ง แล้วพักไว้ก่อน เราจะมาทำเมอแรงค์ต่อค่ะ
  9. นำไข่ขาวใส่ในชามผสมอีกใบ แล้วตีด้วยสปีด 2 ตีไข่ให้ขึ้นเป็นฟองหยาบ แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ให้ตีต่อจนไข่ขึ้นเป็นฟองละเอียดมากขึ้น ก็ให้ทะยอยใส่น้ำตาลลงไปจนหมด ให้ตีไข่ไปเรื่อยๆ จนไข่ตั้งยอดอ่อนก่อนจะถึงยอดแข็ง หรือที่เรียกกันว่า Firm Peak
  10. เมื่อได้เมอแรงค์แล้ว นำมาแบ่งผสม 3 ส่วน ลงในแบทเทอร์ที่เราเตรียมไว้ตอนแรก ตะล่อมเมอแรงค์ให้เข้ากันดี เมื่อผสมเข้ากันดีแล้ว ให้ตะล่อมต่อ 10-15 ครั้งให้เนื้อแบทเทอร์เนียนยิ่งขึ้น
  11. เทแบทเทอร์ลงพิมพ์ ค่อยๆเทลงอย่างช้าๆ จะช่วยตัดฟองอากาศใหญ่ได้ จากนั้นก็กระแทกพิมพ์ไล่ฟองอากาศ วันนี้ไม่ได้ใช้ไม้จิ้มฟันวนค่ะ เพราะดูจากเนื้อแล้วค่อนข้างละเอียดดี ติ๊กก็เลยขี้เกียจค่า
  12. นำเข้าอบ โดยเปลี่ยนอุณหภูมิเป็น 170 องศา เบากว่าคราวก่อนหน่อย เพราะแบทเทอร์วันนี้มีเนยกับช็อคผสมลงไป กลัวหน้าจะปริ ติ๊กใช้เวลาอบ 30 นาทีเป๊ะ เค้กก็ออกมาสุกสวยงาม
  13. เอาออกมาจาเตาอบแล้ว ให้กระแทกพิมพ์ 3 ครั้ง ปรับโครงสร้างเค้ก แล้วทำการคว่ำลงบนตะแกรง คว่ำพักไว้ก่อนสัก 10 นาที ติ๊กแอบไปทานข้าวแล้วค่อยกลับมาพลิกด้านเค้ก จนเลยเวลาไปเลย น่าจะพักทิ้งเค้กไปราวๆ 20 นาทีได้ ด้วยที่ไปลักพักลักจำมาว่า เค้กที่ใช้สูตรแยกไข่ขาว เมื่ออบเสร็จให้คว่ำเค้กทิ้งไว้จะช่วยให้หน้าเค้กตึง ไม่หด ก็เลยลองทำดู สรุปว่าเค้กก็ไม่หดแล้วร่อนออก (หรือทึกทักไปเองน้า) แต่ก็ยังคงมีแอบเหี่ยวยับตรงขอบบ้างนิดหน่อย น่าจะเป็นเพราะสูตรของมันเองมั้ง เพราะติ๊กทำกี่ทีกี่ทีก็ได้แบบนี้ แต่ถ้าเปลี่ยนจากไข่ทั้งฟอง มาใส่ผงฟูแทน หน้าเค้กจะเรียบตึงทันที ไม่ย่นแบบนี้ เท่าที่สังเกตุในเตาอบ การขึ้นฟูของเค้กจะต่างกัน เมื่อใช้ไข่ทั้งฟองจะขึ้นฟูฟ่องเว่อร์วังโดยเฉพาะด้านข้างเค้กฟูมากกว่าปกติ ผิดกับการอบชิฟฟ่อนใช้ผงฟู ก็เดาว่าน่าจะสาเหตุนี้ค่ะ
  14. หลังจากติ๊กเผลอคว่ำเค้กไป 20 นาทีได้ ก็พลิกด้านขึ้นมา แซะเค้กออกจากพิมพ์ นำวางบนตะแกรงพักทิ้งให้หายร้อน แล้วนำมาตัดเสิร์ฟค่ะ
     เค้กช็อคสูตรนี้อร่อยมากๆ เนื้อเค้กมีความเป็นบัตเตอร์ แต่จะนุ่มเบาทานได้เพลินๆ แม้จะแช่เย็นแล้วเอาออกมาทานเลยก็ยังนุ่มค่ะ จะบอกว่าเอาไปแช่เย็นสักคืนแล้วค่อยนำมาทานจะชุ่มฉ่ำกว่าอบแล้วทานเลยนะคะ




ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Toffee Cake

     สวัสดีทุกคนค่า วันนี้ไม่ต้องพูดเกริ่นอะไรมากเลยนะคะ ติ๊กจะชวนทุกคนมาทำท๊อฟฟี่เค้กกัน ตัวเค้กเป็นรสชาติมอคค่าจะไม่ออกกาแฟจัดจ้านมากนักนะคะ และมีความหอมจากโกโก้เล็กน้อย ส่วนตัวซอสท๊อฟฟี่รสชาติจะหวานน้อย และหอมคาราเมลมั่กมาก เวลาไปซื้อทานข้างนอกติ๊กจะไม่ค่อยได้เจอรสชาติท๊อฟฟี่เค้กแบบหอมคาราเมลเท่าไร ซื้อทานไม่ค่อยจะถูกใจ ทำทานเองปรุงแต่งได้โดนใจกว่าค่ะ



     ติ๊กบอกเลยค่ะว่าท๊อฟฟี่เค้กสูตรนี้ จุดเด่นคือตัวซอส รับรองว่าทานชิ้นเดียวไม่พอแน่นอน มาดูที่สูตรเค้กกันก่อนค่ะ

สูตรเค้กมอคค่า *พิมพ์สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว
ส่วนผสมที่ 1
  1. แป้งเค้ก 65 กรัม
  2. ผงฟู 1 ช้อนชา
  3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  4. ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
  5. ผงกาแฟ 1 ช้อนโต๊ะ
  6. ไข่แดง 3 ฟอง (เบอร์ 2)
  7. น้ำตาลทราย 15 กรัม
  8. นมสด 40 กรัม
  9. เนยเค็มละลาย 30 กรัม
  10. วนิลลาสกัด 1 ช้อนชา 
  11. กาแฟสกัด 1/2 ช้อนชา (ไม่มีไม่ต้องใส่ก็ได้ค่า)
ส่วนผสมที่ 2
  1. ไข่ขาว 3 ฟอง (เบอร์ 2)
  2. น้ำตาลป่น 80 กรัม
  3. ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
  1. วอร์มเตาอบไฟบนล่างที่อุณหภูมิ 150 องศา
  2. วางกระดาษรองอบที่ก้นพิมพ์ ไม่ต้องทาไขมันใดๆที่พิมพ์
  3. นำไข่แดงกับน้ำตาลใส่ชามผสม แล้วตีให้เป็นเนื้อครีมสีเหลืองอ่อนๆ
  4. ผสมกาแฟกับนมสด คนให้กาแฟละลาย แล้วเทลงในชามผสมไข่แดง คนให้เข้ากัน
  5. ใส่เนยละลายลงไป คนให้ทุกอย่างเข้ากันดี
  6. ใส่วนิลลาสกัด กาแฟสกัด คนพอเข้ากัน
  7. ร่อนแป้ง ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือ ลงในชามผสมไข่แดง ตะล่อมแป้งให้เข้ากันจนเนื้อเนียนไม่เห็นเป็นเม็ดแป้ง เนื้อแบทเทอร์จะข้นหนืดหน่อยนะคะ แล้วพักไว้ก่อน
  8. มาทำเมอแรงค์ นำไข่ขาวใส่ลงในชามผสมอีกใบ โดยตีไข่ขาวด้วยสปีด 2 ให้ขึ้นเป็นฟองหยาบ แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป แล้วตีต่อจนไข่ขาวขึ้นเป็นฟองละเอียดมากขึ้น ก็ให้ทะยอยใส่น้ำตาล แล้วตีต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าไข่จะขึ้นฟูมีลักษณะเป็นเนื้อครีมสีขาวเนียนละเอียดจนตั้งยอดอ่อนสูงสุด ก่อนถึงยอดแข็ง (Firm Peak)
  9. นำเมอแรงค์ที่ได้ แบ่งใส่ 3 ส่วน ผสมลงในเนื้อแบทเทอร์ และตะล่อมให้เข้ากัน
  10. เมื่อผสมเข้ากันดีแล้ว ให้ตะล่อมต่ออีก 10-15 ครั้ง ให้เนื้อเนียนยิ่งขึ้น
  11. เทแบทเทอร์ลงพิมพ์ โดยเทลงอย่างช้าๆ จะช่วยตัดฟองอากาศใหญ่ๆได้
  12. จากนั้นกระแทกพิมพ์ไล่ฟองอากาศ จะใช้ไม้จิ้มฟันช่วยตัดฟองอากาศด้วยก็ได้นะคะ แต่วันนี้ในคลิปติ๊กกระแทกพิมพ์อย่างเดียว
  13. นำเข้าอบ โดยปรับไฟเป็นอุณหภูมิ 180 องศา อบประมาณ 15-20 นาที ส่วนตัวติ๊กใช้เวลาอบ 18 นาที
  14. เมื่ออบเสร็จแล้วให้คว่ำเค้กลงบนตะแกรง พักทิ้งเอาไว้เลยค่ะ จนกว่าจะราดซอสค่อยหงายเค้กขึ้นมา
มาทำซอสท๊อฟฟี่กันต่อค่ะ

สูตรซอสท๊อฟฟี่
  1. น้ำตาลทราย 100 กรัม
  2. วิปปิ้งครีม 100 กรัม (ติ๊กใช้เป็นแดรี่ครีมค่ะ)
  3. นมสด 50 กรัม
  4. เนยเค็ม 50 กรัม
  5. แป้งเค้ก 2 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  7. กาแฟผง 1 ช้อนชา (ไม่จำเป็นแล้วแต่ชอบค่ะ)
  8. อัลมอนด์อบสุก 150 กรัม (ใช้ถั่วอะไรก็ได้ทดแทนกันนะคะ)
วิธีทำ
  1. นำน้ำตาลใส่กระทะ นำไปตั้งเตาใช้ไฟแรงปานกลาง พักทิ้งไว้โดยไม่ต้องคน จนกว่าน้ำตาลจะละลายเป็นคาราเมล
  2. เมื่อน้ำตาลละลายเป็นคาราเมลแล้ว คนให้ทั่วให้น้ำตาลละลายจนหมด ปิดเตาทันที ระวังคาราเมลจะไหม้จนเกินไป
  3. มาเตรียมส่วนผสมตัวซอสต่อ นำวิปปิ้งครีม นมสด และเนยเค็ม ใส่ลงในชามผสมนำไปเวฟให้ร้อนจนเนยอ่อนตัว ประมาณ 1 นาที แล้วคนให้เข้ากัน
  4. จากนั้นใส่ผงกาแฟ เกลือ แป้งเค้ก คนให้เข้ากันจนไม่เห็นเป็นเม็ดแป้ง
  5. เทส่วนผสมวิปปิ้งครีมลงไปในคาราเมล โดยให้แบ่งเท 1/3 ลงไปผสมก่อน รีบคนให้ไว คนให้เข้ากันดี แล้วทะยอยเทส่วนที่เหลือโดยแบ่งใส่ 2 รอบ ผสมจนเข้ากันดี *ขั้นตอนนี้ถ้าใช้เวลานาน ไม่ได้เตรียมส่วนผสมเอาไว้ อาจทำให้คาราเมลเซ็ตตัวแข็งให้นำไปตั้งไฟคาราเมลจะละลายเหมือนเดิม แล้วก็เทวิปปิ้งครีมลงไป ถ้าคาราเมลร้อนมากระวังวิปกระเด็นใส่*
  6. นำไปตั้งเตา ใช้ไฟปานกลางค่อนไปทางแรงกวนซอสจนข้น เนื้อซอสจะข้นเป็นรอยตะกร้อและเห็นก้นกระทะอย่างชัดเจน ให้ปิดเตา
  7. ใส่อัลมอนด์ลงไปคลุกให้พอเข้ากัน พักไว้ก่อน
  8. นำเค้กที่เราพักทิ้งไว้ หงายเค้กขึ้นมา แล้วเทซอสท๊อฟฟี่ลงไป ปาดซอสให้กระจายตัวให้ทั่วเค้ก
  9. จากนั้นนำเข้าอบอีกครั้งโดยใช้วิธีรองน้ำ นำน้ำร้อนเทใส่แก้วลงไปครึ่งแก้ว แล้ววางในเตา ส่วนเค้กติ๊กวางใกล้กับขดลวดด้านบน อบด้วยไฟบนอย่างเดียวที่อุณหภูมิ 200 องศา เป็นเวลา 5 นาที
  10. เมื่ออบเสร็จแล้ว ตัวซอสจะแห้งและมีสีเข้มขึ้น พักทิ้งให้ซอสเซ็ตตัวแล้วค่อยตัด ติ๊กนำไปใส่ตู้เย็น 1 ชั่วโมงค่ะ
  11. เมื่อซอสเซ็ตตัวดีแล้ว ก็นำเค้กออกจากพิมพ์ ให้แซะขอบด้านข้างเค้ก แล้วนำกระดาษรองอบวางและแผ่นรองเค้กวางด้านบนเค้ก คว่ำเค้กแล้วยกพิมพ์ออก
  12. ดึงกระดาษรองอบออก แล้วทำการตัดเค้กตามขนาดที่ต้องการ ตัดเสร็จแล้วก็ค่อยจับเค้กหงายหน้าขึ้นมาค่ะ
     ท๊อฟฟี่เค้กหอมๆ พร้อมเสิร์ฟ ตัวเค้กนุ่มไม่ต่างจากสูตรเค้กอื่นๆ ที่ติ๊กเคยลงไว้นะคะ ทานกับซอสท๊อฟฟี่คาราเมลหอมๆ และอัลมอนด์กรุบกรอบ เป็นอะไรที่ฟินมาก




วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Cranberry Yogurt Ogura Cake

     สวัสดีทุกคนค่า วันนี้ติ๊กจะชวนทุกคนมาทำ Cranberry Yogurt Ogura Cake ค่ะ  ชื่อขนมแลดูออกจะญี่ปุ่นเสียเหลือเกิน แต่ที่มาของชื่อนี้ ติ๊กก็ไม่แน่ใจนะคะว่าความเป็นมาเป็นอย่างไร ใครเป็นคนคิดชื่อ ซึ่งติ๊กก็พยายามหาข้อมูลบน GG ก็ยังไม่พบคำตอบที่ชัดเจนเลย

     แต่ที่พอจะเข้าใจได้ก็คือ Ogura Cake จะคล้ายกับชิฟฟ่อนเค้ก ลักษณะเนื้อเค้กมีความนุ่มเด้งแบบฟองน้ำ ต่างกันตรงที่ว่า Ogura Cake จะไม่ใช้ผงฟู ใช้เพียงแต่ไข่ที่จะช่วยให้เค้กฟูนุ่ม และมักจะอบด้วยวิธีรองน้ำ เพื่อให้เค้กที่อบเสร็จ มีความชุ่มชื้น นุ่มเนียน เนื้อไม่แห้ง

     จะว่าไปก็คล้ายกับสูตร Sponge Cake (Tangmian Method) ที่ติ๊กเคยโพสในบล๊อกเอาไว้เมื่อไม่นาน อันที่จริงแล้ว Sponge Cake สูตรนั้น ติ๊กคิดว่าก็อาจจะเรียก Ogura Sponge Cake ก็ได้นะ เพราะไม่ใส่ผงฟู แล้วอบรองน้ำด้วย เพียงแต่คราวก่อนที่ติ๊กทำไป เป็นสูตรที่ใช้เนย และวิธีการทำแบบ Tangmian คือทำให้แป้งสุกก่อนด้วยการผัดแป้งกับเนย

     เอาล่ะคะ สรุปว่าติ๊กเองก็ไม่ทราบความเป็นมา และหลักการการเรียกชื่อขนมนี้ชัดเจนนัก หากเรียกผิด เรียกถูกอย่างไร แนะนำติ๊กกันได้นะคะ

     มาเข้าเรื่องขนมกันดีกว่าค่ะ Cranberry Yogurt Ogura Cake ติ๊กใช้พิมพ์สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว สูตรนี้ติ๊กไม่ได้อบรองน้ำตามที่เขานิยมกันนะคะ เพราะติ๊กเคยได้ทดลองอบรองน้ำไป รู้สึกว่าไม่จำเป็นเท่าไร เนื้อเค้กแทบไม่ได้ต่างกับการอบปกติ เพราะพิมพ์สี่เหลี่ยมทำให้เค้กสุกไว แม้ไม่ได้รองน้ำเนื้อเค้กก็ไม่แห้งเลยค่ะ แต่มีวิธีการอบโดยจะวอร์มเตาที่อุณหภูมิต่ำก่อน แล้วพอใส่เค้กเข้าอบค่อยเร่งไฟค่ะ เนื้อเค้กออกมาสวยงาม นุ่มเนียนทีเดียว



Cranberry Yogurt Ogura Cake
พิมพ์ที่ใช้: สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว หรือ วงกลมขนาด 2 ปอนด์

ส่วนผสมที่ 1
  1. แป้งเค้ก 55 กรัม
  2. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  3. ไข่แดง 4 ฟอง (เบอร์ 2)
  4. ไข่ทั้งฟอง 1 ฟอง (เบอร์ 2)
  5. น้ำตาลทราย 25 กรัม
  6. โยเกิร์ต 60 กรัม (แนะนำกรีกโยเกิร์ต)
  7. น้ำมัน 35 กรัม (ติ๊กใช้น้ำมันทานตะวัน)
  8. วนิลลาสกัด 1/2 ช้อนชา
  9. ส้มสกัด 1 ช้อนชา (ไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้)
ส่วนผสมที่ 2
  1. ไข่ขาว 4 ฟอง
  2. น้ำตาลป่น 60 กรัม
  3. ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา (หรือน้ำมะนาวทดแทนได้)
ส่วนผสมที่ 3 (แล้วแต่ชอบนะคะ)
  1. แครนเบอรี่อบแห้ง 35 กรัม (หั่นหยาบ)
  2. แป้งเค้ก 2 กรัม
***แครนเบอรี่อบแห้ง ที่ติ๊กใช้ค่อนข้างชุ่มชื้นและฉ่ำอยู่มาก ติ๊กเลยไม่ได้แช่น้ำนะคะ นำมาใช้อบเค้กก็ไม่ได้ทำให้เนื้อเค้กแห้งค่ะ***

วิธีทำ

  1. วอร์มเตาอบอุณหภูมิ 140 องศา ไฟบนล่าง
  2. นำแครนเบอรี่มาหั่นหยาบ แล้วคลุกแป้งส่วนที่ 3 เตรียมเอาไว้
  3. นำไข่แดง และไข่ 1 ฟอง มาผสมกัน และใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีไข่ให้เนื้อเนียน  มีลักษณะเป็นสีครีมเหลืองอ่อนๆ
  4. ใส่โยเกิร์ต และน้ำมันลงไป ผสมให้เข้ากันดี หากโยเกิร์ตที่เราใช้เนื้อหยาบ ควรเอาไปกรองด้วยกระชอนถี่ก่อนนำมาใช้นะคะ ในคลิปจะเห็นว่าโยเกิร์ตเนื้อจะเนียนมาก เพราะนำไปกรองก่อนแล้ว
  5. ใส่วนิลลาสกัด ส้มสกัด ลงไปผสมให้เข้ากันดี
  6. ร่อนแป้งกับเกลือลงไปในโถผสม ตะล่อมให้เข้ากัน จนเนื้อเนียน ไม่เห็นเม็ดแป้ง แล้วก็พักไว้ก่อนค่ะ
  7. เตรียมทำเมอแรงค์ นำไข่ขาวตีด้วยสปีด 2 ตีจนขึ้นเป็นฟองหยาบ ให้ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป แล้วตีต่อไปจนไข่ขึ้นเป็นฟองละเอียด ให้ทะยอยใส่น้ำตาลป่น แบ่งใส่ 3 รอบ แล้วตีไปเรื่อยๆ จนไข่ขาวเป็นครีมเนียน เห็นเป็นรอยตะกร้อ แล้วเช็คดูค่ะว่าตั้งยอดอ่อนดีหรือไม่ ยอดที่เราจะใช้คือ Firm Peak ต้องตั้งยอดอ่อนจนถึงจุดสูงสุด ก่อนยอดจะแข็งค่ะ
  8. จากนั้นนำเมอแรงค์ที่ได้ แบ่งใส่แบทเทอร์ส่วนไข่แดงที่เตรียมไว้ตอนแรก แบ่งใส่ 3 รอบ ตะล่อมให้เข้ากันดี
  9. เมื่อผสมดีแล้ว ให้กระแทกโถผสมสัก 3 ครั้ง ไล่ฟองอากาศ แล้วค่อยใส่แครนเบอรี่ลงไป และตะล่อมอย่างเบามือค่ะ ให้กระแทกโถผสมไล่ฟองอากาศอีกรอบ แล้วตะล่อมตัดฟองอากาศอย่างเบามือ สัก 3-5 รอบก็พอค่ะ
  10. จากนั้นก็เทใส่พิมพ์ พิมพ์ที่ติ๊กใช้เป็นพิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 8x8 นิ้ว รองกระดาษรองอบ ไม่ต้องทาไขมันใดๆ เทลงไปเบาๆ ช้าๆ เพื่อช่วยตัดฟองอากาศได้อีก 
  11. ถ้ามีฟองอากาศผุดขึ้นมา เอาไม้จิ้มฟันจิ้มๆ และเขย่าๆเบาๆ ให้หน้าเค้กเรียบ อย่าเขย่าแรง และนานนะคะ แครนเบอรี่จะร่วงลงก้นพิมพ์เยอะ เพราะติ๊กห่วงแต่หน้าเค้กจะไม่เรียบ กลัวอบออกมาไม่สวยเค้กเป็นรูฟอง เลยเขย่าๆไปหลายรอบ แครนเบอรี่เกือบจมหมดเลย
  12. หลังจากนั้น ก็เอาเข้าอบเลยค่ะ ใช้ไฟบนล่าง แล้วปรับอุณหภูมิเป็น 180 องศา อบประมาณ 20-25 นาที
  13. นำออกจากเตาอบ กระแทกพิมพ์ 3 ครั้ง แล้วแซะออกจากพิมพ์เลยค่ะ ติ๊กไม่ได้รอเค้กหลุดร่อน ติ๊กว่ารอไม่รอก็ไม่พบความแตกต่าง เอาออกเลยดีกว่า
  14. คว่ำเค้กออกจากพิมพ์ และดึงกระดาษรองอบออก แล้วพลิกกลับด้านอีกครั้ง พักเค้กให้คลายร้อนลง แล้วตัดชิ้นได้เลย
เค้กนุ๊มนุ่ม รับกันกี่ชิ้นดีค่ะ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ควรลองทำค่ะ



ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown

Preserved Pineapple

สับปะรดกวน          ด้วยที่ติ๊กอยากจะทำพายสับปะรด ก็เลยจะทำสับปะรดกวนเองเสียหน่อย เพราะไม่ได้ทำยาก แต่จะเสียเวลามากกว่า ติ๊กใช้เวลาพอคว...