วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

เครป

Crepe


      สัปดาห์นี้ ติ๊กตั้งใจทำเครป ซอส Banana Chocolate Caramel เป็นเมนูสุดโปรดของติ๊ก ที่จะเอามาแบ่งปันทุกคนค่ะ ความสำคัญของเครป ติ๊กให้ความสำคับกับซอสมากที่สุดเลยนะคะ แบบว่าซอสอร่อยกินกับแป้งเครปสูตรไหนก็เอาอยู่ค่ะ เพื่อนๆว่าจริงมั้ย

      สำหรับซอส Banana Chocolate Caramel สูตรนี้ จะสัมผัสด้วยกลิ่นคาราเมลหอมๆ ควบคู่กับกล้วยหอมที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยช็อคโกแล็ตเข้มข้น ถ้าเพื่อนดูจากคลิปก็คงคิดว่าติ๊กจะทานเครป หรือทานซอสกันแน่ เพราะติ๊กใส่ซอสเยอะมาก จนเนื้อเครปเป็นไงไม่รู้เลย แป้งอร่อยรึป่าวไม่แน่ใจ แต่ทานร่วมกันแล้วฟินเว่อร์ค่ะ

      เอาล่ะมาเข้าเรื่อง เริ่มที่สูตรเครปกัน เราจะทำแป้งเครปไว้ก่อน เพราะตัวแป้งต้องพักทิ้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง แต่ติ๊กพักไม่ถึงหรอกค่ะ ก็นำมาใช้แล้ว

สูตรเครป
ส่วนผสมแห้ง
  1. แป้งเค้ก 65 กรัม
  2. น้ำตาลป่น 35 กรัม
  3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมของเหลว
  1. ไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟอง
  2. นมสด 300 มิลลิลิตร
  3. เนยสดจืดละลาย 10 กรัม
  4. วนิลลาสกัด 1/4 ช้อนชา
วิธีทำเครป
  1. เริ่มต้นจากเราจะร่อนส่วนผสมแห้งทั้งหมดเตรียมไว้ในภาชนะ
  2. นำส่วนผสมของเหลวทั้งหมด เทรวมกันและคนให้เข้ากัน แค่เพียงคนให้เข้ากันนะคะ
  3. จากนั้นนำส่วนผสมของเหลว แบ่งเทใส่แป้ง แบ่งใส่ 3 ครั้ง และคนให้เข้ากัน
  4. ส่วนแป้งเครปที่ได้นำมากรองบนกระชอนถี่ เลือกแบบถี่ที่สุดเลยนะคะ เราจะได้แป้งที่เนียน และไม่เป็นเม็ดแป้ง จากนั้นก็ห่อแร๊พ พักทิ้งไว้ในตู้เย็น
ระหว่างพักแป้ง เราก็มาทำซอสช็อคคาราเมลกันต่อค่ะ

ส่วนผสม Banana Chocolate Caramel
  1. น้ำตาล 10 กรัม
  2. ครีมสด 50 ml
  3. ช็อคโกแลตแท่ง ดาร์คช็อค 60% 50 กรัม (ช็อคชิพก็ใช้ได้จ้า)
  4. เนยสด 10 กรัม
  5. กล้วยหอมสุกหั่นสไลด์ 1 ลูก
วิธีทำซอสคาราเมลช็อคโกแลต
  1. ใส่น้ำตาลในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟแรง รอจนน้ำตาลละลาย เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล ติ๊กไม่ใช้น้ำตาลเยอะนะคะ เพราะมีช็อคโกแลตแท่งให้ความหวานอยู่แล้ว แต่ที่ต้องใช้น้ำตาลเพื่อเอามาทำเป็นกลิ่นคาราเมลหอมๆ
  2. เมื่อน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ลดไฟลง ใช้ไฟอ่อนค่ะ ใส่วิปปิ้งครีมลงไป และคนๆ จากนั้นใส่ช็อคโกแลต เนยสด และกล้วยหอม
  3. คนทุกอย่างให้เข้ากัน จนกล้วยเริ่มนิ่ม ถ้าใครไม่ชอบกล้วยนิ่มก็แค่คลุก 3-4 รอบ ก็เอาขึ้นได้เลยแต่ติ๊กชอบนิ่มๆ เหลวๆ อีกอย่างตอนแต่งเครป เราจะใช้กล้วยหอมมายัดไส้เพิ่มอยู่แล้ว เรียกได้ว่ามีแต่กล้วย และก็กล้วย
      ซอสที่ได้นะคะจะหอมคาราเมล และกล้วยหอม ผสานกับรสชาติช็อคโกแลตเข้มข้น ทานซอสเปล่าๆ ก็เพลินดีนะคะ แต่ระวังอย่าทานหมด เดี๋ยวไม่มีราดเครปจ้า

เราพักซอสเอาไว้ก่อน มาทำเครปต่อกัน

      หลังจากที่พักแป้งไว้ในตู้เย็นสักแป๋บ (ของติ๊กพักไม่ถึงชั่วโมง แบบว่าใจร้อนอยากจะทำทานแล้ว) ติ๊กทำซอสเสร็จ ก็เอาแป้งออกมาเตรียมทอดเลยจ้า
  1. นำกระทะมาตั้งเตาใช้ไฟแรงไปเลยจ้า ให้กระทะร้อนๆ แบบควันขึ้น จากนั้นทาเนยให้ทั่วกระทะ
  2. ลดระดับไฟลง ใช้ไฟอ่อนค่อนไปทางกลาง
  3. ยกกระทะขึ้นจากเตาไฟ ตักแป้งเครปเทใส่กระทะ ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความเร็วในการเอียงกระทะไปมา ให้ได้เครปเป็นแผ่นบาง และกลม แต่ติ๊กช้าไปสักหน่อย เพราะช้อนตักแป้งมันตักได้น้อยไป ถ้าให้แนะนำควรหาภาชนะตักแป้งเครปได้เยอะหน่อย หรือ พอดีกับถ้วยตวงจะดีมาก
  4. เวลาตักราดจะได้ไม่ต้องหย่อนหลายรอบ ถึงแม้ติ๊กจะตัดแป้งราด 3 ครั้ง ก็ไม่มีปัญหานะคะ ตัวเครปที่เสร็จออกมาก็เป็นแผ่นวงกลมติดกัน สวยงามปกติดี แผ่นที่ได้ก็บางนะคะ แต่บางไม่เท่ากัน...555
  5. ตอนทอดเครปเราไม่ต้องกลับด้านเครปนะคะ ทอดด้านเดียว เครปสุกเร็วค่ะ ไม่ต้องกลับด้านเลย
  6. เครปที่สุก ตัวแป้งจะร่อนจากกระทะ เราลองเอาไม้พายแซะเครปดูอีกด้าน ดูว่าเครปสีออกน้ำตาลอ่อนๆ รึยัง ถ้าสีสวยดีแล้ว ก็เอาขึ้นได้เลย
      ถ้ายังไม่ได้ใช้เครปทันที ให้นำเครปพักบนตะแกรงก่อน แต่ถ้าจะทานเลยก็ใส่จานเตรียมรอตกแต่งค่ะ
ตอนเอาเครปออกจากกระทะ ติ๊กใช้วิธีคว่ำบนตระแกรงไปเลยนะคะ ไม่ได้ใช้มือหยิบออกหรอกค่ะ มันร้อนค่ะ เชฟส่วนใหญ่ทำได้ แต่ติ๊กไม่ใช่เชฟอ่ะค่ะ มือทนความร้อนไม่ไหว รอเครปคลายร้อนนิดนึง ค่อยใช้มือหยิบมาวางบนจานเตรียมตกแต่ง

      ขั้นตอนการตกแต่งก็ไม่มีอะไรมาก เน้นตามใจตัวเองเป็นหลัก เพื่อนๆดูจากคลิปต่อได้เลย ติ๊กไม่รู้จะอธิบายอย่างไร นอกจากจะบอกว่าอร่อยมากค่ะ

      ลองทำกันดูนะคะ ทำไม่ยากเลย ฝีมือตกแต่งติ๊กไม่ได้เรื่องนะคะ แต่รสชาติจัดเต็ม อร่อยเกินร้อยแน่นอนค่ะ

      แป้งเครปเหลือไม่ทิ้งนะคะ เก็บในตู้เย็น นำมาทอดต่อวันอื่นก็ได้ค่ะ สูตรนี้น่าจะทอดได้อย่างน้อย 6 แผ่น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 ซม. ติ๊กนำมาทอด 1 ชิ้นเอง เพราะทานคนเดียว ส่วนซอสคาราเมลช็อคโกแลต ปริมาณสูตรจัดเสริ์ฟได้ 2 ที่ อย่างพอเหมาะ แต่ติ๊กเสริ์ฟทีเดียวหมดเลยค่ะ คือว่าถ้าเก็บไว้ก็ไม่แน่ใจว่าจะกินอีกทีเมื่อไร เพราะมีกล้วยผสมลงไปแล้ว ก็กินมันให้หมดไปเลยค่ะ บอกเลยว่าหมดนี้ แคลลอรี่พุ่งปี๊ดแน่ๆ

      ซอสนี้เหมาะเสริ์ฟแบบอุ่นๆ นะคะ ไม่นิยมเสริ์ฟแบบเย็น เพราะซอสจะเซ็ทตัวแข็ง ไม่อร่อยค่ะ
ยังมีซอสเครปอีกหลายซอส อยากมาแบ่งปันนะคะ แต่เวลามีน้อย ค่อยๆทะยอยทำ ทะยอยเสริ์ฟกันเนาะ

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

สลัดโรล

Salad Rolls


      สลัดโรล เป็นอาหารยอดฮิตและบูมมากตั้งแต่ช่วยปลายปีที่แล้ว เนื่องจากเป็นเมนูสุขภาพ ทำทานเองก็ง่าย รสชาติก็อร่อย แต่โดยปกติแล้วติ๊กมักจะซื้อทานมากกว่า ไม่ได้ทำเอง เพราะไม่อยากม้วนแป้งให้เลอะเทอะ แต่วีคนี้รู้สึกชิลๆ และอยากกินสลัดโรลไส้ปูอัดขึ้นมา แต่เวลาไปซื้อทานร้านที่ทำขาย มักจะใส่ไส้น้อย ปูอัดก็ไม่อร่อย ทำให้สลัดโรลรสชาติไม่อร่อยตามไปด้วย ติ๊กก็เลยลองทำทานเองดูบ้างดีกว่า เพราะมันก็ไม่ได้ยากอะไร เมนูนี้ไม่ได้ต้องปรุงอะไรเลย แค่เอาผักกับไส้มาม้วนๆ เท่านั้นเอง
ความสำคัญของเมนูนี้ ติ๊กคิดว่าอยู่ที่วัตถุดิบล้วนๆ ถ้าเราใช้ผักที่สด ปูอัดอย่างดี แค่นี้ก็ฟินแล้ว ทานคู่กับน้ำจิ้มสลัด ไม่ว่าจะเป็นมายองเนส ซอสเทาซันไอซ์แลนด์ น้ำสลัดน้ำใส หรือจะจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด ก็อร่อยแซ่บ ฟินเว่อร์เลย

มาเข้าเรื่องวัตถุดิบกันเลยค่ะ ติ๊กเลือกใช้วัตถุดิบทำสลัดโรลดังนี้
  1. แผ่นแป้งเวียดนามยี่ห้อ Sunlee เป็นแผ่นสี่เหลี่ยม (ซื้อที่ฟูดแลนด์)
  2. ผักสลัดแล้วแต่ชอบเลยค่ะ ชอบผักแบบไหนจัดเต็มกันไป
  3. ปูอัดเกรดพรีเมี่ยม
  4. ปูนิ่มทอด (ซื้อร้านอาหาร)
  5. น้ำสลัดอิตาเลี่ยน McCormick (เป็นน้ำจิ้ม)
  6. น้ำเปล่าสะอาด
  7. น้ำมันเล็กน้อย
ขั้นตอนการทำสลัดโรล
  1. เตรียมน้ำสะอาดใส่ภาชนะ และก็ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อยค่ะ ติ๊กคิดว่าถ้าใส่น้ำมัน น่าจะช่วยให้แป้งมีความลื่น ไม่เหนียวติดภาชนะจนเกินไป จะได้ลอกม้วนง่ายๆ และก็จะได้ไม่ติดกับแป้งชิ้นอื่นๆ เวลาเราวางซ้อนๆ รวมๆ กัน
  2. นำแป้งเวียดนาม มาจุ่มน้ำ เน้นว่าจุ่มนะคะ ไม่แช่ค่ะ เพราะถ้าแช่ทิ้งไว้ แป้งนิ่มเละค่ะ ม้วนไม่ได้ เราจุ่มตามที่หน้าซองเขาบอกไว้เลยว่า ประมาณ 5 วินาที เราเอาแป้งลงไปจุ่ม เราก็นับ 1..2..3..4..5 แล้วก็เอาขึ้น เมื่อเอาขึ้นมาจากน้ำ แป้งจะยังแข็งอยู่นะคะ ไม่ต้องกังวลค่ะ เดี๋ยวจะนิ่มไปเอง
  3. จากนั้นเราก็จัดวางไส้ตามใจเลยค่ะ ติ๊กใส่ปูนิ่ม ปูอัด สลัดผัก แล้วก็ม้วนๆ ค่ะ ตอนม้วนก็จับไส้ให้แน่นๆ ม้วนแน่นๆ อ่อลืมไปว่า แป้ง 1 แผ่น ติ๊กแบ่งครึ่ง นำมาห่อได้ 2 ชิ้นค่ะ หลังจากที่แป้งเริ่มนิ่ม ติ๊กก็เอามีดมาตัดแบ่งแป้งครึ่งนึงค่ะ แล้วก็ทำการห่อสลัด
  4. ส่วนน้ำจิ้ม ติ๊กไม่ได้ทำเองนะคะ ติ๊กใช้น้ำสลัดอิตาเลียน ที่มีในตู้เย็นค่ะ มาเป็นซอส ก็อร่อยดีนะคะ ขึ้นชื่อว่าสลัด ติ๊กว่ากินกับน้ำจิ้มสลัดอะไรก็ได้ตามชอบค่ะ หากเราไม่มีเวลามากพอจะเข้าครัว ทำแค่นี้ก็พอแล้วจ้า
      ตอนทำสลัดโรลนี่ ติ๊กก็ไม่ได้หาข้อมูลเท่าไรนะคะ ว่าเขาจะต้องม้วนยังไง จัดวางยังไง ก็ดูคร่าวๆ เลยทำให้การทำครั้งแรกของติ๊กไม่ค่อยจะคล่องตัว แต่พอทำเสร็จอัดคลิปเสร็จ ก็ลองไปเปิดดูของคนอื่นเขา ว่ามีเทคนิคม้วนตัด กันอย่างไรบ้างให้สวยงาม ก็เลยรู้ว่าแผ่นแป้งนี้ควรตัดแบ่งก่อน จะดีกว่ามาตัดทีหลัง และเวลาห่อถ้าอยากได้ลายสวยๆ ผักโผล่ออกมาสวยๆ ต้องจัดวางอย่างไร ติ๊กมาดูเอาก็ทำเสร็จไปหมดล่ะ ไว้รอบหน้าจะมาทำใหม่ คิดไว้ล่ะว่ารอบหน้าอาจจะทำไส้ยำทูน่า หรือลาบปลาดุก นี่แหละ ถ้าทำไส้ลาบจริงๆ คงไปซื้อลาบร้านส้มตำ คงไม่ทำเอง...555 แค่คิดก็ฟินแล้วนะเนี่ย


ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559

สังขยาใบเตย

สังขยาใบเตย สูตรไร้แป้ง


วันนี้ติ๊กอยากจะลองทำขนมไทยๆ แบบไม่อบกันบ้าง ทีแรกก็คิดว่าจะทำขนมอะไรดี คิดไปคิดมาอยากกินสังขยาก็เลยเปิดเน็ตหาสูตร ว่าวิธีทำสังขยาเขาทำกันยังไง สูตรก็คล้ายๆกันหมด ต่างกันแค่ปริมาณส่วนผสมกันเล็กน้อย ใครอยากได้ความเข้มข้นแบบไหนก็ปรับสัดส่วนกัน ติ๊กก็เลยเดาทางสังขยา ประมาณๆ เอา จนได้มาเป็นสังขยาสูตรเข้มข้นแบบนี้ สูตรนี้หอมใบเตยมาก รสใบเตยชัดเจน และได้ความหวานมันจากกะทิเข้มข้นไม่ได้เจือน้ำ หรือ นม อะไรเลย และไม่ได้ใส่แป้งด้วย เรามาดูกันค่ะว่าส่วนผสมเป็นอย่างไรบ้าง

สูตรสังขยาใบเตย

  1. กะทิ 120 กรัม
  2. ใบเตย 8-10 ใบ (นำมาหั่น เพื่อเตรียมคั้น)
  3. ใบเตย 5 ใบ (นำมาขยำกับไข่ ดับคาว)
  4. ไข่ไก่ 6 ฟอง (เราใช้เบอร์ 2)
  5. น้ำตาล 150 กรัม
  6. วนิลลาสกัด 1/4 ช้อนชา

วิธีทำสังขยาใบเตย

  1. นำกะทิกับใบเตยมาคั้นรวมกัน (หรือปั่นก็ได้) แล้วนำมาพักไว้ก่อน
  2. นำไข่ 6 ฟอง, กลิ่นวนิลลา และใบเตย 5 ใบ นำมาขยำๆ ดับกลิ่นคาวไข่
  3. จากนั้นนำน้ำกะทิใบเตยมาผสมกับไข่คนให้เข้ากัน นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อให้ส่วนผสมเนียนเข้ากันมากขึ้น
  4. ใส่น้ำตาล คนให้น้ำตาลละลาย และนำไปตุ๋น โดยต้มน้ำให้เดือดในกระทะ นำผ้ามารองก้นกระทะ แล้วค่อยนำหม้อลงไปวาง คนส่วนผสมไปเรื่อยๆ จนกว่าส่วนผสมจะข้นหนืดเป็นรอยตะกร้อที่เห็นชัด
  5. นำขึ้นมาพัก หากต้องการให้เย็นลงเร็วๆ ก็นำไปอังในน้ำเย็นจัดใส่น้ำแข็ง และคนสังขยาให้คลายร้อน
***หากสังขยาจับตัวเป็นก้อนๆ เนื้อไม่เนียน อยากได้เนื้อเนียนขึ้น ให้นำไปกรองบนกระชอนถี่อีกครั้ง
***สูตรสังขยาใบเตยไร้แป้ง จะได้รสชาติที่เข้มข้นมาก รสชาติหวานมันจากกะทิ และความข้นจากไข่ ซึ่งสูตรนี้สำหรับติ๊ก เมื่อทานไปเรื่อยๆ รู้สึกจะเลี่ยน เพราะเข้มข้นเกินไป หรืออาจเป็นเพราะเราชินกับการทานสังขยาที่ซื้อตามร้าน จะผสมน้ำและแป้งสะเยอะก็เป็นได้ ไว้รอบหน้าติ๊กจะทำสังขยาใบเตยใส่แป้ง และผสมน้ำเพื่อเจือจางความเข้มข้นดู เผื่อว่ารสชาติจะได้เบา และทานได้ไม่เลี่ยน

สังขยาใบเตย


ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2559

เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม Chocolate Fudge Cake

เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม



วันนี้เราจะมาทำเค้กเช็อคโกแลตหน้านิ่มสุดฮิต อีกหนึ่งเมนูยอดนิยม และมีเพื่อนขอมาหลายท่าน ให้ติ๊กทำคลิปสาธิตแบบละเอียดๆ เหมือนเค้กส้ม ก็ได้ฤกษ์ยามที่ได้ทำคลิปกันสักที หลังจากที่ผลัดมานาน เพื่อไม่ให้เสียเวลา ไม่ต้องเกริ่นเยอะ เข้าเรื่องสูตรกันเลยค่ะ

สูตรเค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม 3 ปอนด์

ตัวเค้ก เราจะทำเค้กชิฟฟ่อนช็อคโกแลตกันนะคะ ขอแบ่งส่วนผสมออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ค่ะ
ส่วนผสมที่ 1 ส่วนผสมแห้ง
  1. แป้งเค้ก 100 กรัม
  2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  3. เบกกิ้งโซดา 3/4 ช้อนชา
  4. โกโก้ 40 กรัม
  5. น้ำตาลป่น 120 กรัม
  6. เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมที่ 2 ส่วนผสมเปียก
  1. กรีกโยเกิร์ต 120 กรัม หรือโยเกิร์ตยี่ห้อไรก็ได้ แต่ความเข้มข้นและไขมันที่ได้อาจจะน้อยกว่า
  2. ไข่แดง 3 ฟอง
  3. น้ำมันทานตะวัน 120 กรัม หรือ น้ำมันพืชทั่วๆไป
  4. วนิลลาสกัด 2 ช้อนชา
  5. กลิ่นเนย 1 ช้อนชา
ส่วนผสมทำเมอแรงค์
  1. ไข่ขาว 4 ฟอง
  2. น้ำตาลป่น 70 กรัม

วิธีทำเค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม

  1. นำส่วนผสมแห้งทั้งหมดมาร่อน ผสมรวมกัน และทำบ่อหลุมตรงกลาง
  2. นำส่วนผสมของเหลวทั้งหมดมาผสมรวมกัน คนให้เข้ากัน
  3. นำของเหลวที่ได้ เทลงไปผสมในส่วนผสมที่ 1 ที่เป็นของแห้งที่ร่อนเตรียมไว้
  4. ตะล่อมให้เข้ากันดี ส่วนผสมจะข้นหนืด ต้องไม่เป็นเม็ดแป้ง และพักทิ้งไว้ก่อน
  5. ตีไข่ขาวสปีดปานกลางจนขึ้นเป็นฟองฟูๆ แล้วบีบมะนาวลงไป 3-4 หยด ตีต่อจนไข่ขาวเริ่มเป็นครีม ใส่น้ำตาลป่นลงไป ทะยอยใส่จนหมด เมื่อตีไข่ขาวจนตั้งยอดอ่อนดีแล้ว ให้หยุดตี อย่าตีนานจนเป็นยอดแข็ง ไม่งั้นละก็เนื้่อเค้กที่ได้จะหยาบร่วนไม่อร่อยนะจ๊ะ ***ลักษณะเมอแรงค์ที่ได้จะคล้ายซอฟท์ครีม เนื้อครีมจะงอนโค้งติดที่ปลายตะกร้อ***
  6. ตักแบ่งมาใส่ผสมกับส่วนผสมของช็อคโกแลตที่ผสมไว้เมื่อสักคู่ แบ่งเมอแรงค์เป็น 3 ส่วน ตะล่อมๆ ให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากัน ให้ตะล่อมต่ออีกนิด
  7. เทลงพิมพ์ 3 ปอนด์ วางกระดาษไขรองก้นพิมพ์
  8. เคาะไล่ฟองอากาศ
  9. อบไฟล่าง 150 องศา 40 นาที ประมาณนาทีที่ 30 สังเกตุเค้กจะขึ้นฟู 90% ให้เปลี่ยนโหมดไฟ ไปใช้ไฟบนล่าง
  10. เมือเค้กขึ้นฟูเต็มรูปดีแล้ว ให้เช็คเค้กสุก โดยนำไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปตรงกลางเนื้อเค้ก จะต้องไม่มีคราบของเหลวติดไม้จิ้มฟัน

สูตรทำซอสช็อคโกแลตราดบนเค้ก

ซอสช็อคโกแลตสูตรนี้ จะเข้มข้นช็อคโกแลต และเป็นสูตรที่เราไม่ใส่ผงวุ้น แต่ซอสสามารถเซ็ตตัวได้ดี บอกเลยไม่ต้องพึ่งผงวุ้นจ้า

ส่วนผสมซอสช็อคโกแลต ประกอบไปด้วย
  1. นมสด 100 กรัม
  2. แป้งข้าวโพด 35 กรัม
  3. นมสด 200 กรัม
  4. น้ำเปล่า 200 กรัม
  5. ผงโกโก้ 40 กรัม
  6. ช็อคแท่ง Unsweet Choc 50 กรัม
  7. น้ำตาลทราย 200 กรัม
  8. เนยสดเค็ม 120 กรัม

วิธีทำซอสช็อคโกแลตราดบนเนื้อเค้ก

  1. ผสมแป้งข้าวโพด กับ นมสด 100 กรัม คนให้ละลายพักทิ้งไว้
  2. ต้มนมสด น้ำเปล่า ผงโกโก้ น้ำตาล ช็อคโกแลตแท่ง ผสมรวมกัน ต้มให้ทุกอย่างละลาย และเดือด
  3. นำแป้งข้าวโพดที่ละลายกับนมสดแล้ว ค่อยๆ เทลงไปในน้ำช็อคโกแลต ก่อนเทแป้งให้เอาช้อนคนๆ แป้งก่อนเทนะ เพื่อแป้งมันนอนก้นอยู่
  4. ระหว่างที่เทน้ำแป้งข้าวโพด ให้คนซอสช็อคไปด้วย คนเร็วให้น้ำแป้งกระจายตัว จนกระทั่งซอสช็อคข้นหนืด เห็นเป็นรอยตะกร้อชัดเจน ก็ปิดเตาได้เลย
  5. ใส่เนยสดเค็มลงไป คนให้ละลาย เข้ากันดี เป็นอันเส็ดแล้วจ้า
***สำหรับการราดซอส ดูตามคลิปได้เลยนะคะ***

      เค้กช็อคโกแล๊ตหน้านิ่มสูตรนี้ บอกเลยว่าอร่อยมากค่ะ ตัวเค้กนี้นิ่มสุดๆ และซอสก็เข้มข้นไม่หวานจนเกินไป ทานกับเค้กเข้ากันดีมาก แบบว่าละล๊าย ละลาย แต่ทว่าซอสช็อคสูตรนี้ของติ๊ก มันจะเซ็ตตัวไวมาก เวลาราดซอสคลุมเค้ก มันจะกองกระจุกตรงกลาง ด้วยที่มันข้นหนืด เซ็ตตัวเร็วกว่าที่ติ๊กคิด ทำให้ในการปาดจึงไม่เรียบเนียนนัก รอบหน้าติ๊กจะปรับสูตรอีกนิดหน่อย ทำตัวซอสให้สามารถราดได้เรียบเนียน แล้วจะเอามาแชร์กันค่ะ
เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม



ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown

Preserved Pineapple

สับปะรดกวน          ด้วยที่ติ๊กอยากจะทำพายสับปะรด ก็เลยจะทำสับปะรดกวนเองเสียหน่อย เพราะไม่ได้ทำยาก แต่จะเสียเวลามากกว่า ติ๊กใช้เวลาพอคว...