วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560

เค้กส้มหน้านิ่ม ในถ้วยฟอยด์

      เค้กส้ม


      เมนูวันนี้ ติ๊กได้อัดคลิปทำเค้กส้มอีกครั้ง เพื่อที่จะรีเมคใหม่ โดยการรีเมคครั้งนี้ ติ๊กเปลี่ยนจากเดิมที่เคยอบในพิมพ์กลม 3 ปอนด์ เปลี่ยนมาอบพิมพ์ฟอยด์สี่เหลี่ยมแทน เพื่อคนที่เคยติดตามดูคลิปคราวก่อนจะได้ไม่รู้สึกเบื่อจ้า สิ่งที่แตกต่างในคลิปวันนี้ ก็คือรายละเอียดของการตีเค้ก ซึ่งติ๊กคิดว่าเป็นการทำคลิปที่ละเอียดยิบมากที่สุดในบรรดาคลิปอื่นๆ ที่ติ๊กเคยโพสไป

      เรียกได้ว่าคลิปนี้ให้เป็นโบนัสกับคนที่เริ่มต้นหัดทำเค้กเลย แบบที่ว่าใครยังทำเค้กออกมาไม่ได้เสียที ติ๊กคิดว่าคลิปนี้น่าจะละเอียดพอที่จะทำให้หลายคนที่เคยท้อแท้ ผิดหวัง ทำเค้กไม่ได้ ได้มีโอกาสฮึดขึ้นมาทำดูอีกสั้งครั้ง

      คลิปที่ติ๊กลงเป็นการสาธิตแบบตามที่ติ๊กเข้าใจเองนะคะ ไม่อยากให้หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าติ๊กเป็นอาจารย์สอน ไม่อาจเอื้อมถึงตำแหน่งอาจารย์จ้า แค่พอทำได้แล้วนำมาแบ่งปันจ้า

      สูตรวันนี้ยังคงเป็นสูตรเดิม แต่มีปรับลดการใช้สารเสริม SP ลงไปนะคะ เรามาดูสูตรเค้กส้มกันเลย

สูตรสปันจ์เค้ก 3 ปอนด์ 

ใส่ในพิมพ์ฟอยด์เบอร์ 4618 ได้ประมาณ 12 กล่องนะคะ
  1. แป้งเค้ก 100 กรัม
  2. ผงฟู 1 ช้อนชา
  3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  4. ไข่ไก่เบอร์ศูนย์ 3 ฟอง
  5. น้ำตาลป่น 80 กรัม
  6. นมสด 80 กรัม
  7. สารเสริม SP 10 กรัม (ลดจากของเดิมที่ใช้อยู่ 15 กรัม)
  8. น้ำมันพืช 80 กรัม (ติ๊กใช้น้ำมันทานตะวัน)
  9. วนิลลาสกัด 1 ช้อนชา
  10. ส้มสกัด 1 ช้อนชา

วิธีทำเค้กส้ม

  1. วอร์มเตาอบที่ไฟบนล่าง อุณหภูมิที่ 180 องศา
  2. ตอกไข่ทั้งหมดในชามผสม ใส่น้ำตาลป่น และปาดสารเสริม SP ที่หัวตะกร้อ
  3. ตีด้วยเครื่องตีด้วยสปีดสูงสุด จนกว่าจะเป็นเนื้อครีมเป็นริบบิ้นสเตจ เนื้อครีมจะข้นมากๆ เช็คโดยการนำไม้พายปาดเนื้อครีมขึ้นมา จะเห็นว่าครีมจะต้องไม่ไหลย้อยเป็นสายน้ำ 
  4. ใส่วนิลลาสกัด กลิ่นส้มสกัด และ นมสด ตีด้วยความเร็วต่ำ ตีพอให้เข้ากันก็พอ
  5. นำแป้ง ผงฟู เกลือ นำมาร่อน เทลงในชามผสม และทำการตีต่อ ด้วยความเร็วต่ำ จนเม็ดแป้งละลายเนียนไปกับครีม
  6. ทะยอยใส่น้ำมัน ปรับสปีดเป็นสปีดต่ำสุด ตีเพียงให้เข้ากันเท่านั้น
  7. เทส่วนผสมลงในพิมพ์ฟอยด์ (ติ๊กใช้เบอร์ 4618) เทลงประมาณ 3/4 ของพิมพ์
  8. จากนั้นนำส้อมมายีส่วนผสม เพื่อตัดฟองอากาศใหญ่ และทำให้เนื้อเค้กที่ได้เนียนเรียบขึ้น
  9. จัดเรียงใส่ถาด นำเข้าอบไฟบนล่าง 180 องศา เป็นเวลา 10-12 นาที หรือ จนเค้กสุก
  10. เมื่ออบเสร็จ ให้พักทิ้งไว้ก่อน แล้วมาเตรียมซอสส้มราดหน้าเค้กกันค่ะ
      เอาล่ะคะ เรามาเตรียมซอสกันต่อดีกว่าค่ะ วันนี้ติ๊กใช้ซอสส้มสำหรับราดเค้ก 2 ปอนด์ แทนนะคะ เพราะว่าไม่อยากให้ซอสเหลือ แต่ถ้าใครชอบราดซอสเยอะๆ จะทำสูตร 3 ปอนด์ก็ได้ค่ะ วิธีคำนวณคือ นำสูตรข้างล่างหาร 2 และ คูณ 3 ค่ะ

สูตรซอสส้ม 2 ปอนด์

  1. น้ำส้มซันควิกเข้มข้น 90 กรัม
  2. น้ำเปล่า 300 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 90 กรัม
  4. แป้งกวนไส้ 25 กรัม
  5. เนยสดเค็ม 25 กรัม

วิธีทำซอสส้ม

  1. ผสมน้ำส้ม น้ำเปล่า น้ำตาล และแป้งกวนไส้ คนให้เข้ากัน
  2. นำไปตั้งไฟปานกลาง เคียวซอสส้มไปเรื่อยๆ จนซอสส้มใส และ ข้นหนืดเป็นรอยตะกร้อ ให้เคี่ยวต่ออีกนิด และปิดเตา ใส่เนยสด คนให้เข้ากันดี
  3. นำซอสส้ม ราดลงบนเค้กได้ทันที ไม่ต้องพักทิ้งไว้ให้เย็น 
  4. เมื่อราดเสร็จแล้ว ให้กระแทกพิมพ์เบาๆ ไล่ฟองอากาศตัวซอสออก ซอสจะเรียบเนียนยิ่งขึ้น
  5. พักทิ้งให้เย็น แล้วนำฝามาปิด นำไปเก็บพักในตู้เย็น

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

เค้กกล้วยตาก

เค้กกล้วยตาก Dried Banana Cake


      เมนูวันนี้ติ๊กจะมาชวนทุกคนทำเค้กกล้วยตากกันค่ะ สูตรนี้มีเคล็ดลับตรงที่ติ๊กใส่กล้วยหอมลงไปเล็กน้อย เพื่อให้เนื้อเค้กมีความหอมและฉ่ำกล้วย อีกทั้งในสูตรติ๊กก็ใส่กล้วยตากแบบจัดเต็ม กัดไปกี่คำก็เจอแต่กล้วยตากเน้นๆ บอกเลยว่าเอาใจคนที่ชื่นชอบเมนูกล้วยสุดๆ ใครที่ชอบทานกล้วยห้ามพลาดเชียวนะคะ ติ๊กเชียร์ให้ลองทำดูค่ะ มันอร่อยมาก

      แต่ถ้าใครไม่ชอบกล้วยหอมก็ไม่ต้องใส่นะคะ ไม่จำเป็นค่ะ แต่ถ้าจะเติมกลิ่นกล้วยก็ให้ใส่เพียงนิดเดียว สัก 1/4 ช้อนชาก็พอนะคะ ให้หอมอ่อนๆจางๆ อย่าเยอะค่ะ มันจะไปกลบกล้วยตากเสียหมด
เรามาดูสูตรและวิธีทำเค้กกล้วยตากกันค่ะ

สูตรเค้กกล้วยตาก

  1. แป้งเค้ก 100 กรัม
  2. ผงฟู 3/4 ช้อนชา
  3. เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
  4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  5. กล้วยหอมบด 50 กรัม (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
  6. กล้วยตาก 200 กรัม (สูตรนี้จัดเต็มกล้วยตากอยู่แล้วนะคะ ไม่จำเป็นต้องใส่เพิ่ม)
  7. กรีกโยเกิร์ต 60 กรัม
  8. ไข่ไก่เบอร์ (0) 2 ฟอง
  9. น้ำตาลทราย 50 กรัม (สูตรนี้หวานน้อยค่ะ)
  10. น้ำมันพืช 50 กรัม (ติ๊กใช้น้ำมันทานตะวันค่ะ)
  11. สารเสริม SP 7 กรัม
  12. วนิลลาสกัด 3/4 ช้อนชา

วิธีทำเค้กกล้วยตาก

  1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศา ใช้ไฟบนล่าง
  2. วางกระดาษรองอบที่ก้นพิมพ์ ติ๊กใช้พิมพ์สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว
  3. หั่นกล้วยตากให้บางเล็กน้อย และเป็นชิ้นเล็กๆ อย่าหั่นชิ้นใหญ่นะคะ ไม่งั้นกล้วยจะนอนจมที่ก้นพิมพ์ค่ะ
  4. ถ้าใครใช้กล้วยหอมตามสูตรนี้ ก็ให้บดกล้วยเตรียมรอไว้เลยค่ะ บดเสร็จแล้วก็ให้ผสมกับโยเกิร์ต แล้วพักทิ้งไว้ก่อน
  5. จากนั้นมาเริ่มทำเค้กกันค่ะ เริ่มจากการตีไข่ไก่ก่อน โดยให้ปาดสารเสริม SP ที่ปลายตะกร้อ ตีด้วยสปีดสูงสุดจนไข่มีลักษณะเป็นครีมเล็กน้อย ก็ให้ทะยอยใส่น้ำตาลลงไปค่ะ ***ถ้าใครใช้น้ำตาลป่น สามารถใส่ลงไปตีพร้อมกันตั้งแต่แรกได้เลยค่ะ***
  6. ตีไข่จนตั้งยอด เนื้อแบทเทอร์ที่ได้จะมีลักษณะเป็นครีมสีขาวข้นมาก เมื่อนำไม้พายปาดแบทเทอร์จะเห็นว่าเป็นรอยแบทเทอร์อย่างชัดเจน และตัวครีมจะติดที่ไม้พาย ไม่เหลวเป็นน้ำ
  7. ใส่กล้วยหอม,โยเกิร์ต และวนิลลาสกัด ลงไป ปรับสปีดเป็นสปีดต่ำ ผสมเพียงแค่ให้เข้ากันดี
  8. นำแป้ง ผงฟู เบคกิ้งโซดา และเกลือ ผสมรวมกันคลุกพอเข้ากัน และแบ่งครึ่งนึงผสมลงในกล้วยตาก คลุกให้ทั่ว แล้วเทผสมลงในโถตี ตีด้วยสปีดต่ำเพียงให้เข้ากัน จากนั้นใส่แป้งที่เหลือลงไป และตีต่อพอเข้ากัน หมั่นปาดข้างและก้นโถด้วยนะคะ
  9. ทะยอยใส่น้ำมันลงไป ตีด้วยสปีดต่ำเหมือนเดิม และตีแค่พอเข้ากันเท่านั้น หมั่นปาดข้างและก้นโถผสมด้วยนะคะ เมื่อเข้ากันดีแล้วก็หยุดตีค่ะ
  10. เทแบทเทอร์ใส่พิมพ์ และปาดแบทเทอร์ให้เท่ากัน กระแทกพิมพ์ไล่ฟองอากาศออก
  11. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศา ใช้ไฟบนล่าง ประมาณ 15 นาที (***อุณหภูมิและระยะเวลาขึ้นอยู่กับเตาอบแต่ละบ้านนะคะ***)
  12. หลังจากอบเสร็จ ให้นำเค้กออกจากพิมพ์ และเอากระดาษรองอบออก พักเค้กให้คลายร้อน แล้วนำมาตัด


ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/msandmrsbrowncooking

วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

ฟรุตเค้ก

ฟรุตเค้ก

     สวัสดีค่ะ วันนี้ติ๊กจะมาชวนทำฟรุตเค้กค่ะ สูตรดั้งเดิมเป็นของ joy of baking แล้วติ๊กเอามาปรับนิดหน่อยตามวัตถุดิบที่มีค่ะ



     ก่อนจะเริ่มทำฟรุตเค้ก เรามาเตรียมหมักผลไม้แห้งกันก่อนนะคะ การหมักผลไม้จะทำให้ผลไม้มีความชุ่มฉ่ำและหอม และไม่ให้ผลไม้แห้งไปดูดของเหลวในตัวเค้กค่ะ
  1. ผลไม้อบแห้งตามชอบ 300 กรัม (ติ๊กใช้ ลูกเกด 100 กรัม, เชอรี่แดง 50 กรัม, แอปเปิ้ล 50 กรัม, กีวี่ 50 กรัม ของฟารีด้าซื้อใน Top ค่ะ)
  2. เหล้ารัม 100 มิลลิลิตร ใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ตามชอบค่ะ (ส่วนติ๊กใช้ Bacardi สีขาว)
  3. ส้มสกัด 1 ช้อนชา
     นำทุกอย่างมาผสมและคลุกให้เข้ากัน แล้วนำแร๊พมาซีลปิด นำไปเก็บในตู้เย็นอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ให้ผลไม้ดูดน้ำให้หมด ระหว่างการหมักให้นำผลไม้มาคลุกบ่อยๆ เท่าที่เรานึกได้นะคะ เหล้าจะได้ทั่วถึงผลไม้ทุกชิ้น
     ในสูตรนี้เหล้าและปริมาณที่ติ๊กใช้ กลิ่นเหล้าไม่ได้แรงมากค่ะ แต่ถ้าใครอยากให้เบาบางลงไปอีกก็ใช้เหล้าเพียง 50 มิลลิลิตร ผสมกับน้ำส้ม หรือ น้ำเปล่าและใส่ส้มสกัดลงไปก็ได้ค่ะ

สูตรฟรุตเค้ก

  1. แป้งเค้ก 195 กรัม
  2. ผงฟู 1 ช้อนชา
  3. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  4. ไข่ไก่เย็น (เบอร์ 0) 3 ฟอง
  5. เนยเค็มเย็น 120 กรัม
  6. น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม (ในวีดีโอ ติ๊กใช้ผสมกับน้ำตาลป่น เพราะน้ำตาลทรายแดงหมดค่ะ)
  7. นมสด 60 มิลลิลิตร
  8. ผลไม้อบแห้งที่หมักเหล้าไว้แล้ว
  9. อัลมอนป่น 25 กรัม (ติ๊กใช้อัลมอนด์สไลด์ไปอบให้สุก แล้วนำไปปั่นให้ละเอียด)
  10. วนิลลาสกัด 1 ช้อนชา
  11. ส้มสกัด 1 ช้อนชา
วิธีทำฟรุตเค้ก
  1. วอร์มเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 150 องศา ไว้ก่อนเลยค่ะ
  2. เตรียมพิมพ์อบขนม ติ๊กใช้พิมพ์โลฟชนิดฟอยด์เบอร์ 4572 วางกระดาษรองอบไว้ที่ก้นพิมพ์ค่ะ จะได้แกะออกง่ายๆ
  3. ตีเนยด้วยสปีดต่ำ ตีให้เนยนิ่มและเนียนเล็กน้อย เนยที่ใช้เป็นเนยที่เย็นนะคะ
  4. ทะยอยใส่น้ำตาลลงไปในเนยตีด้วยสปีดสูงสุดตีให้เนยขึ้นฟูเป็นครีมสีขาวนวล ติ๊กใช้เวลาประมาณ 3 นาที
  5. ตีไข่ไก่ให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากัน แล้วค่อยๆเทลงในเนย ตีด้วยสปีดสูงสุดให้ขึ้นฟู ขั้นตอนนี้ไข่ไก่กับเนยอุณหภูมิอาจไม่เท่ากัน ทำให้ส่วนผสมเข้ากันยากนะคะ เพราะเนยถูกตีจนคลายเย็นแล้ว พอใส่ไข่ไก่ซึ่งเป็นของเหลวและมีองค์ประกอบของน้ำจะทำให้ไขมันเป็นลิ่มๆ 
  6. สังเกตุว่าในคลิปวีดีโอติ๊กก็พบปัญหา ถ้าส่วนผสมเป็นแบบนี้ เราตีแค่พอเข้ากันแล้วหยุด เพราะยิ่งตีก็ยิ่งแยกชั้นค่ะ 
  7. เนื่องจากส่วนผสมไม่เข้ากัน ติ๊กจึงใส่วนิลลาสกัด ส้มสกัด แล้วเติมแป้งลงไปสัก 1-2 ช้อนโต๊ะพูน ตีด้วยสปีดต่ำ ผสมให้เนียนเข้ากันก่อนค่ะ
  8. จากนั้นใส่นมลงไปครึ่งนึงค่ะ ตีสปีดต่ำพอให้เข้ากัน
  9. ใส่ผลไม้อบแห้ง อัลมอนด์ป่น และแป้งลงไปครึ่งนึง ตีด้วยสปีดต่ำให้พอเข้ากัน
  10. ใส่นมส่วนที่เหลือ ลงไปผสมพอเข้ากัน และจากนั้นก็ใส่แป้งที่เหลือลงไปตีให้เพียงเข้ากัน
  11. นำแบทเทอร์เทลงในพิมพ์ ปาดหน้าให้เรียบ และกระแทกพิมพ์ไล่ฟองอากาศ
  12. นำเข้าอบไฟล่าง 150 องศา ประมาณ 40 นาที ให้เค้กเกือบสุกก่อน แล้วค่อยปรับไฟบนล่าง 180 องศา อบต่ออีก 5-10 นาที ให้ผิวหน้าเค้กสวย
  13. เมื่ออบเค้กเสร็จแล้วนำเค้กออกจากพิมพ์ แล้วทาแยมที่ผิวเค้กให้ทั่ว ทาตอนเค้กร้อนๆได้เลยค่ะ ถ้าเราไม่ทาแยมผิวเค้กจะแห้งและไม่สวยเหมือนกับร้านที่เขาทำขายกันนะคะ

ส่วนผสมแยมทาผิวฟรุตเค้ก

  1. แยมแอปริคอต 1 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำส้มซันควิก 1/2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
  5. เหล้ารัม 1/2 ช้อนชา
     เมื่อเราทาแยมเสร็จแล้ว ให้พักเค้กให้เย็นก่อนนะคะ ถ้าเราห่อแร๊พเก็บตอนร้อนๆ เค้กจะแฉะ เมื่อเค้กหายร้อนเราก็ทาแยมอีกรอบ แล้วค่อยแร็พเค้กปิดให้มิดชิดไม่ให้อากาศเข้า แล้วนำเก็บใส่ตู้เย็นพักไว้ 1 คืน ก่อนนำมาตัดเสิร์ฟ เค้กจะหอมชุ่มฉ่ำมากขึ้นกว่าวันแรกที่เราอบ



ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สังขยาชาไทย

สังขยาชาไทย       

       สวัสดีทุกคนจ้า จากคราวก่อนติ๊กได้นำเสนอเค้กชาไทยหน้านิ่มไป แม้ว่าหน้าตาจะไม่ได้สวยงามเพอร์เฟ็ค แต่รสชาตินั้นโดนใจติ๊กมาก รวมถึงผู้โชคดีที่ได้รับเลือกได้ชิมเค้ก ก็ล้วนบอกว่าอร่อยเข้มข้นชามาก (ชมกันหมดเลย หรือว่าเขาพูดปลอบใจ เอาใจเรารึป่าวกันน้า) แต่ส่วนตัวติ๊กก็ว่ามันอร่อยนะ
       เอาละค่ะมาเข้าเรื่องเมนูวันนี้ดีกว่าค่ะ ก็ยังคงเป็นวัตถุดิบชานะคะ ก็แหมชาถุงนึงมันเยอะอ่ะค่ะ ก็ต้องหาเมนูทำไปเรื่อยจนกว่าจะหมดอ่ะนะค่ะ นอกจากชาไทยแล้ว ติ๊กยังมีตุนวัตถุดิบชาเขียวด้วยนะค่ะ ยังหาฤกษ์ยามทำไม่ได้เลย ของเต็มตู้รกไปหมด
       เริ่มเวิ่นเว้อไปไกลล่ะ ตัดบทเข้าเรื่องเลยค่ะ วันนี้ติ๊กจะมานำเสนอเมนูสังขยาชาไทยค่า
ก่อนหน้านี้ ติ๊กเคยลงคลิปสังขยาใบเตยไปแล้ว แต่คลิปนั้นเป็นอะไรที่ติ๊กเพิ่งหัดทำคลิปวีดีโอใหม่ๆ นำเสนอคลิปได้งงๆ งวยๆ วันนี้มาแก้ตัวใหม่ค่ะ สูตรนี้เป็นสังขยาที่ใช้แป้งนะคะ จะไม่เลี่ยนแบบสูตรไร้แป้งเหมือนคราวก่อน รับรองค่ะว่าเป็นสังขยาที่ทำได้ง่ายมาก ไม่ต้องใช้วัตถุดิบอะไรเยอะค่ะ



สูตรสังขยาชาไทย

ขั้นตอนที่ 1 ชงชากันก่อน ชงแบบไหนก็ได้นะค่ะ ไม่ต้องตามคลิปก็ได้ ใครมีอุปกรณ์ชงชาก็จัดได้เลยค่ะ พอดีที่บ้านติ๊กไม่มีอุปกรณ์ตัวช่วย ก็ชงแบบตามคลิปอ่ะจ๊ะ
     1. ผงชา 4 ช้อนโต๊ะ ประกอบไปด้วย
          - ผงชาซีลอน (ยี่ห้อช้างทอง) 1.5 ช้อนโต๊ะ
          - ผงชา 555 (ยี่ห้อช้างทอง) 2.5 ช้อนโต๊ะ
     2. น้ำร้อน 200 กรัม (น้ำที่ต้มเดือดค่ะ)
          ***ใครจะเปลี่ยนยี่ห้อ หรือเพิ่มปริมาณชาก็ได้นะคะ ตามที่ตนเองชอบเลย ผงชามีผลต่อความหอมจ้า***

วิธีการชงชา
  1. ใส่ผงชาทั้งหมดลงไปในน้ำร้อน แช่ทิ้งไว้ 4-5 นาที ห้ามเกินนี้
  2. เมื่อครบเวลานำมากรองกากชาออก ด้วยผ้าขาวบางที่ลวกน้ำร้อนแล้ว
ขั้นตอนที่ 2 มาเริ่มทำสังขยาชาไทยกันค่ะ
  1. น้ำชาที่ชงในขั้นตอนที่ 1
  2. ไข่แดง 3 ฟอง
  3. หัวกะทิ 65 กรัม (ถ้าไม่ชอบให้มีกลิ่นกะทิก็เปลี่ยนเป็นนมแทนได้ค่ะ จะเป็นนมข้นจืด นมสด ก็ได้หมดจ้า)
  4. น้ำตาลทราย 65 กรัม
  5. นมสด 250 กรัม
  6. แป้งข้าวโพด 20 กรัม
วิธีทำสังขยาชาไทย
  1. นำนมสดกับแป้งข้าวโพดมาผสมกัน คนให้แป้งละลายให้หมดค่ะ
  2. นำชาที่ชงได้ ใส่น้ำตาล กะทิ ไข่แดง คนให้เข้ากัน และจากนั้นก็เทนมที่ละลายแป้งข้าวโพดเอาไว้
  3. เปิดเตาใช้ไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน คนส่วนผสมไปเรื่อยๆ ติ๊กลืมจับเวลาจำไม่ได้ว่าคนไปกี่นาที ขั้นตอนนี้เราก็คนๆไปจนกว่าส่วนผสมจะข้นเป็นรอยตะกร้อค่ะ
  4. เมื่อสังขยาเริ่มข้นเห็นเป็นรอยตะกร้อ เราก็ลดไฟลงเป็นไฟอ่อนค่ะ ไม่งั้นมันจะเดือดปุดๆ กระเด็นกระจายค่ะ ลดไฟลงและคนต่ออีกสักนิดให้ข้นขึ้นเห็นเป็นรอยอย่างชัดเจน ก็ปิดเตาได้เลย
  5. พักทิ้งไว้ให้คลายร้อน แล้วเสิร์ฟค่ะ ทานคู่กับขนมปังเป็นอะไรที่เข้ากันดีจ้า


ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เค้กชาไทยหน้านิ่ม

Thai Tea Cake

     สวัสดีทุกคนค่ะ มาพบกับเมนูเค้กหน้านิ่มกันอีกหนึ่งเมนูกันค่ะ ก่อนหน้านี้ติ๊กมีทำ เค้กส้มหน้านิ่ม เค้กช็อคหน้านิ่ม กันไปแล้วนะคะ มารอบนี้มาส่งผลงานเค้กชาไทยหน้านิ่มค่ะ

     โดยตัวเค้กติ๊กเลือกทำสูตรสปันจ์เค้ก ที่ติ๊กดัดแปลงมาจากคุณจุ๋มแม่สลิ่ม และเป็นสูตรถนัดที่ติ๊กชอบทำ รสชาติความนุ่มของเค้กนี้ไม่ต้องพูดถึง ถ้าใครเคยทำมาบ้างแล้วจะรู้ว่าเนื้อเค้กละลายในปากกันทีเดียวค่ะ

     เอาละค่ะ วันนี้เราจะทำกันหลายขั้นตอนหน่อยนะคะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

     สูตรเค้กชาไทยหน้านิ่ม 3 ปอนด์ ติ๊กใช้พิมพ์สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว 2 ถาด ในการอบค่ะ เราจะมาทำเค้กทรงเหลี่ยมกันบ้างจ้า จริงๆก่อนหน้านี้ติ๊กตั้งใจจะอบใส่ฟอยด์นะคะ ติ๊กก็ได้อบเรียบร้อยแล้วด้วย แต่ทว่าติ๊กใส่แบทเทอร์ลงในฟอยด์มากไปค่ะ เค้กเลยปูดเต็มพิมพ์ ดูแล้วไม่น่าจะราดซอสได้สวยค่ะ เลยทานเป็นเค้กเปล่าๆไป และนั่นก็เป็นพิมพ์ฟอยด์ไซส์เล็ก ล๊อตสุดท้ายของติ๊กด้วย ทำให้รอบนี้ติ๊กอบใหม่เลยมาใช้พิมพ์สี่เหลี่ยมแทน





     เค้กชาไทยหน้านิ่ม ติ๊กจะลงสูตรเป็นลำดับขั้นตอนตามที่ติ๊กทำเลยนะคะ เริ่มจากการชงชานมเตรียมทำขนมไว้ก่อนเลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 ชงชานม สำหรับทำเค้ก
     1. ผงชา 3 ช้อนโต๊ะ ประกอบไปด้วย
          - ผงชาซีลอน (ยี่ห้อช้างทอง) 1 ช้อนโต๊ะ
          - ผงชา 555 (ยี่ห้อช้างทอง) 1 ช้อนโต๊ะ
          - ผงชาหอม (ยี่ห้อช้างทอง) 1/2 ช้อนโต๊ะ
          - ชาตรามือ ห่อแดง 1/2 ช้อนโต๊ะ
     2. นมสด 150 กรัม
          ***ใครจะเปลี่ยนยี่ห้อชาก็ได้นะคะ ตามที่ตนเองชอบเลยค่ะ แต่ผงชามีผลต่อความหอมของเค้กเรานะคะ***

วิธีการชงชา

  1. นำนมสดไปต้ม หรือ เวฟ ให้เดือด แล้วปิดเตาทันที ไม่ต้องให้เดือดนาน
  2. ใส่ผงชาทั้งหมดลงไปในนม แช่ทิ้งไว้ 4-5 นาที ห้ามเกินนี้
  3. เมื่อครบเวลานำมากรองกากชาออก ด้วยผ้าขาวบางที่ลวกน้ำร้อนแล้ว และพักชานมทิ้งไว้ก่อน
ขั้นตอนที่ 2 ชงชานม สำหรับทำซอสชาไทยหน้านิ่ม
     1. ผงชา 4 ช้อนโต๊ะ ประกอบไปด้วย
          - ผงชาซีลอน (ยี่ห้อช้างทอง) 1 ช้อนโต๊ะ
          - ผงชา 555 (ยี่ห้อช้างทอง) 1 ช้อนโต๊ะ
          - ผงชาหอม (ยี่ห้อช้างทอง) 1/2 ช้อนโต๊ะ
          - ชาตรามือ ห่อแดง 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
     2. นมสด 200 กรัม
***วิธีการชงเหมือนขั้นตอนที่ 1 เป๊ะเลยค่ะ ก่อนกรองติ๊กนำกากชาของเก่าทิ้งไปนะคะ ไม่ได้เอามาใช้ผสมซ้ำ***

ขั้นตอนที่ 3 ทำสปันจ์เค้กชาไทย
  1. แป้งเค้ก 100 กรัม
  2. ผงฟู 1 ช้อนชา
  3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  4. ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 3 ฟอง
  5. ชานมจากขั้นตอนที่ 1
  6. น้ำตาลป่น 70 กรัม
  7. น้ำมันพืช 80 กรัม
  8. วนิลลาสกัด 3/4 ช้อนชา
  9. สารเสริม SP 12 กรัม 
วิธีทำเค้กชาไทย
  1. วอร์มเตาอบไฟบนล่าง 180 องศาค่ะ
  2. เตรียมพิมพ์อบ ติ๊กใช้พิมพ์สี่เหลี่ยม 8x8 นิ้ว 2 ถาด รองกระดาษอบไว้ที่ก้นพิมพ์ให้เรียบร้อย
  3. เรามาเริ่มตีไข่กันค่ะ ด้วยน้ำตาลป่นติ๊กหมด จึงต้องใช้น้ำตาลทราย ดังนั้นลำดับการตีไข่จึงปรับเปลี่ยนไปนะคะ
  4. ตีไข่ด้วยสปีดสูงสุด ให้ขึ้นเป็นครีมสีเหลืองอ่อนๆ พอจะรับน้ำหนักน้ำตาลได้ ค่อยๆเทน้ำตาลทรายลงไป และตีไปพร้อมๆกัน จดหมด
  5. จากนั้นใส่ชานมลงไป จะทำให้น้ำตาลละลายได้ง่ายขึ้น ตีจนไข่ขึ้นฟูเป็น Ribbon Stage ลักษณะเป็นครีมข้น ติ๊กใช้เวลาตีทั้งหมดประมาณ 6 นาทีนิดๆ รอบนี้ตีฟูได้เร็วค่ะ อาจเป็นเพราะไม่ได้ใส่นมไปแต่แรกก็เป็นได้เลยขึ้นฟูเร็ว
  6. ใส่วนิลลาสกัดลงไป ตีพอเข้ากัน แต่ในคลิปติ๊กลืมค่ะ เลยมาใส่ตอนท้ายสุดที่ผสมแป้งเสร็จแล้ว ทีแรกว่าจะไม่ใส่ แต่ก็เกรงว่าขนมจะมีกลิ่นคาวไข่ เลยใส่สักหน่อยดีกว่า
  7. หลังจากนั้น ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ลงในโถผสม และตีด้วยสปีดต่ำให้แป้งเข้ากัน แล้วปรับสปีดตีด้วยสปีดกลาง ให้แบทเทอร์เนื้อเนียนขึ้น อย่าตีนานค่ะ ด้วยเค้กหด 
  8. จากนั้นใส่น้ำมันลงไป ทะยอยแบ่งใส่ 3 รอบ ตีด้วยสปีดต่ำ ตีแค่เข้ากันพอค่ะ แล้วหยุดตี
  9. นำเนื้อแบทเทอร์ที่ได้เทลงพิมพ์ เกลี่ยหน้าให้เรียบ กระแทกพิมพ์ไล่ฟองอากาศ และตัดฟองอากาศด้วยไม้จิ้มฟัน
  10. นำเข้าอบ ไฟบนล่าง 180 องศา เวลา 10-12 นาที หรือ จนเค้กสุด ผิวเค้กเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ
  11. นำเค้กออกจากพิมพ์ ลอกกระดาษรองอบออก พักทิ้งเอาไว้ แล้วไปทำซอสชาไทยต่อค่ะ
ขั้นตอนที่ 4 ทำซอสชาไทยหน้านิ่ม
  1. ชานมจากขั้นตอนที่ 2
  2. นมสด 250 กรัม (แบ่งส่วนนึงไปใส่แป้งข้าวโพด)
  3. แป้งข้าวโพด 22 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 60 กรัม
  5. เนยเค็ม 65 กรัม
วิธีทำซอสชาไทยหน้านิ่ม
  1. แบ่งนมสดส่วนนึง ใส่แป้งข้าวโพด และคนให้ละลาย
  2. นำนมสดที่เหลือ เทผสมในชานมที่เตรียมเอาไว้ ใส่น้ำตาลทรายลงไป
  3. นำไปตั้งไฟคนชานมไปเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มเดือด ให้เทน้ำแป้งข้าวโพดที่เตรียมไว้ รีบคนๆ พอน้ำเริ่มข้นขึ้นเป็นรอยตะกร้อ ให้ปิดเตาทันที
  4. จากนั้นใส่เนยเค็ม และคนให้ละลายให้เข้ากัน
  5. นำซอสมาราดบนตัวเค้ก ควรรีบราดนะคะ ถ้าพักทิ้งไว้นานซอสจะข้นและเซ็ตตัว จะราดยาก และจะเกลี่ยไม่ค่อยเรียบ
     จากในคลิปจะเห็นว่า ซอสของติ๊กตอนราดรอบสุดท้ายจะเกลี่ยค่อนข้างยาก เพราะมีสายเข้าค่า มัวแต่ไปคุยธุระกลับมาอีกที ซอสก็ข้นแห้ง จะเห็นว่าในคลิปติ๊กพยายามคนๆ ให้มันคลายตัวแล้วค่อยราด ก็พอจะช่วยได้ระดับนึง แต่ก็ปาดไม่ค่อยเรียบแล้วละค่ะ แต่ถึงอย่างไร ความอร่อยของเค้กบอกเลยค่ะ ว่าอร่อยมาก หอมชามั่กมากเลยจ้า






ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

บัตเตอร์เค้ก สูตรนุ่ม

Butter Cake

     
     สวัสดีจ้า เมนูวันนี้ติ๊กขอทำบัตเตอร์เค้กนุ่มๆ เนื้อละลายในปากกันจ้า ถ้าพูดถึงสูตรบัตเตอร์เค้ก เราจะนึกถึงสูตรที่ว่าต้องตีเนยให้ขึ้นฟู แล้วค่อยใส่ไข่ทีละฟองกันใช่มั้ยค้า แต่ทว่าวันนี้ติ๊กจะไม่ทำแบบนั้นค่ะ ติ๊กจะตีแบบสปันจ์เค้กโดยใช้สารเสริม SP และสัดส่วนของวัตถุดิบเราจะเป็นสูตรเค้กเนยค่ะ

     แต่ถ้าใครไม่ชอบสารเสริม SP ติ๊กแนะนำให้ใช้สูตรบัตเตอร์เค้ก ตีแยกไข่ขาว ที่ติ๊กเคยทำไว้คลิปก่อน แต่ให้เปลี่ยนสัดส่วนวัตถุดิบให้เป็นไปตามคลิปนี้แทนค่ะ ก็จะได้บัตเตอร์เค้กที่นุ่มเหมือนกัน แต่ก็ไม่เท่ากับที่เรามีตัวช่วยนะคะ (ติ๊กแปะสูตรเก่าไว้ตามนี้ค่ะ http://www.msandmrsbrown.com/2016/02/blog-post_7.html )

     สำหรับเพื่อนๆ ที่มีปัญหาในการตีสปันจ์เค้กที่ใช้เนยละลาย ตีทีไรเค้กเป็นตับเป็นไต ก็ต้องระวังนะคะ สูตรนี้เนยเยอะแป้งเยอะ อุณหภูมิเนยจะสำคัญมาก ถ้าเนยอุ่นไม่มากพอเค้กเราเป็นโรคไตถามหาแน่ๆจ้า แต่ติ๊กมีทิปในการทำเนยละลายให้ได้อุณหภูมิพอเหมาะพอเจาะ ถ้าใครนำไปใช้ทำตามแล้วยังเป็นไตอย่ามาว่ากันน้า ก็ต้องช่วยเหลือตัวเองกันเองแล้วจ้า

สูตรบัตเตอร์เค้ก

1. แป้งเค้ก 150 กรัม
2. ผงฟู 1 ช้อนชา
3. เกลือ 1/4 ช้อนชา
4. ไข่ไก่เบอร์ (0) 3 ฟอง + ไข่ขาวอีก 1 ฟอง (*ในคลิปใส่สูตรติ๊กตกหล่นไปจ้า*)
5. น้ำตาลป่น 120 กรัม (สูตรนี้หวานน้อยแล้วนะจ๊ะ)
6. เนยเค็มละลายอุ่น 150 กรัม
7. นมสด 65 กรัม
8. วนิลลาสกัด 1+1/2 ช้อนชา
9. สารเสริม SP 12 กรัม

     ไข่ขาวที่ติ๊กเพิ่มมาอีก 1 ฟอง เพื่อต้องการให้เค้กฟูเบามากขึ้นค่ะ แต่จะไม่ใส่ก็ได้เช่นกันค่ะ ปริมาตรเค้กจะน้อยลงหน่อย ไม่มีผลต่อความอร่อย มีผลแค่ความฟูเบาค่ะ

วิธีทำบัตเตอร์เค้ก

1. วอร์มเตาอบไฟล่าง 140 องศา (เตาติ๊กไฟแรงค่ะ เลยใช้อุณหภูมิต่ำหน่อย แต่ถ้าบ้านใครไฟเตาปกติดี จะอบที่ 160 องศา ก็ได้ค่ะ)
2. จากนั้นนำกระดาษรองอบวางไว้ที่ก้นพิมพ์ค่ะ จะได้คว่ำออกมาได้ง่ายๆ ติ๊กใช้พิมพ์ฟอยด์ 4572 ดูในคลิปเลยจ้า แต่ก็ไม่จำเป็นนะคะ ถ้าเราไม่คิดจะเอาออกจากพิมพ์ ก็ไม่ต้องรองกระดาษค่ะ
3. นำเนยไปละลาย ติ๊กใช้เนยใส่ในชามเซรามิก และนำไปวางในหม้อที่ใส่น้ำร้อน วางทิ้งไว้เลย (หม้อที่ใส่น้ำร้อน คือ นำน้ำไปต้มในหม้อจนเดือดแล้วปิดเตา)




*** ก่อนนำเนยไปละลายต้องเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างให้พร้อมก่อนนะคะ ***

4. เมื่อทุกอย่างพร้อม เรามาเริ่มตีไข่กันเลย ตีด้วยสปีดสูงสุด วันนี้น้ำตาลป่นติ๊กหมด มีไม่พอใช้ เลยต้องผสมน้ำตาลทรายลงไปด้วย ดังนั้นการตีไข่ของติ๊กวันนี้จึงเปลี่ยนลำดับการตีค่ะ โดยตีไข่ไก่ กับ SP ให้ขึ้นฟูเป็นครีมสีเหลืองนวลก่อน เพื่อให้ไข่รับน้ำหนักน้ำตาลทรายได้ โดยไม่ลงไปกองที่ก้นโถ
5. เมื่อตีไข่กับ SP จนไข่เริ่มเป็นครีม ก็ทะยอยใส่น้ำตาลลงไปจนหมด และจากนั้นค่อยใส่นมสดตามลงไป จะช่วยทำให้น้ำตาลละลายได้ดีมากขึ้นค่ะ
6. ให้ตีไข่จนขึ้นฟูเป็นครีมสีขาว มีลักษณะข้นหนืด (คล้ายๆน้มข้นหวาน) หรือที่เขานิยมเรียกกันว่า Ribbon Stage ลักษณะเป็นอย่างไร ดูตามคลิปช่วงที่ติ๊กเทแบทเทอร์ลงพิมพ์จะเห็นภาพชัดเจนค่ะ 
*** ระยะเวลาตีทั้งหมดติ๊กใช้ไปประมาณ 7 นาทีนิดๆ ด้วยกำลังเครื่องตี 450 วัตต์ค่ะ ***
7. จากนั้นใส่วนิลลาสกัด แล้วตีพอเข้ากัน
8. นำเนยละลายออกจากหม้อน้ำร้อน แล้วพักไว้
9. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ลงในแบทเทอร์ และตีสปีดต่ำให้เข้ากันเล็กน้อย (ไม่ถึงนาที) และปรับเป็นสปีดกลางตีให้เนียนและเข้ากันมากขึ้น (ไม่ถึงนาทีเหมือนกัน) อย่าตีนานเกินไป เค้กจะหดตัว
*** ในวีดีโอ ติ๊กลืมอัดขั้นตอนนี้นะคะ ติ๊กต้องขอโทษด้วยจริงๆ ด้วยที่เมมกล้องน้อยนิด ติ๊กเลยต้องอัดคลิปเป็นช่วงสั้นๆ เพื่อประหยัดพื้นที่เมม แต่ท้ายสุดก็เป็นปัญหา ติ๊กมักลืมกดอัดต่อเสมอเลย ก็ว่าจะไปซื้อเมมเพิ่มอยู่ แต่ก็ลืมตลอด _/\_ 
10. มาทำขนมกันต่อค่ะ เตรียมเทเนยลงในส่วนผสม ก่อนเท ให้คนๆเนยเสียหน่อย ให้ความร้อนกระจายตัวและคลายร้อนลง แล้วก็เอานิ้วมือจุ่มเทสเสียก่อน ว่าเนยอุ่นจัดหรือไม่ ควรให้เนยอุ่นจัด และนิ้วทนความร้อนได้ ก็ใช้ได้
11. ค่อยๆ เทเนยลงไป ตีด้วยสปีดต่ำ และหมั่นปาดโถ อย่าให้เนยกองกระจุกที่ใดที่หนึ่ง ให้คนและตีให้ทั่ว ผสมจนเข้ากันดีแล้วก็หยุดตี
12. นำแบทเทอร์ที่ได้เทลงพิมพ์ ถ้าทำตามสูตรและใช้พิมพ์เดียวกับติ๊ก จะอบได้ 2 ฟอยด์พอดีเป๊ะ
13. ปาดหน้าเค้กให้เรียบ และตัดฟองอากาศด้วยไม้จิ้มฟัน หรือ ไม้เสียบลูกชิ้น หรือ อุปกรณ์อื่นๆตามถนัด
14. กระแทกพิมพ์ไล่ฟองอากาศก่อนนำไปอบ
15. อบไฟล่าง ด้วยอุณหภูมิ 140 องศา เป็นเวลา 40 นาที หรือ เค้กเกือบสุก โดยสังเกตุที่ผิวด้านบนเค้กถ้าสร้างเปลืองผิวแล้ว และไม่เหลว ก็ให้ปรับไฟเป็นไฟบนล่าง 180 องศา อบต่ออีก 8 นาที
*** ในการอบจริง เตาติ๊กเหมือนมีปัญหาร้อนเร็ว ติ๊กอบด้วย 140 องศา ยังไม่ครบเวลา หน้าเค้กแตกเล็กน้อย ติ๊กจึงลดไฟเหลือ 130 องศา แต่หน้าเค้กก็ยังปริแตกเพิ่ม สุดท้ายติ๊กลดไฟเหลือ 120 องศา หน้าเค้กไม่แตกแล้ว และอบครบเต็มเวลา 40 นาที แล้วเปลี่ยนไฟมาเป็นไฟบนล่าง 180 องศา อบต่ออีก 8 นาที เพื่อให้หน้าเค้กสีเข้มสวย
*** อบด้วยไฟอ่อน เป็นเวลานาน อาจทำให้เค้กเนื้อแห้งได้นะคะ ถ้าอยากให้เนื้อเค้กชุ่มชื้น สามารถอบรองน้ำได้ ด้วยอุณหภูมิเดียวกัน แต่จะใช้ไฟบนล่างก็ได้ แล้วแต่เตาบ้านแต่ละคนค่ะ จะใช้ไฟอย่างไรก็ได้ตามที่เคยอบๆกันค่ะ
16. เมื่ออบเสร็จ ก็นำเค้กออกจากพิมพ์ พักทิ้งไว้ให้หายร้อนก่อน หรือจะหม่ำๆ กันเลยก็ได้ ตามแต่ใจต้องการเลยจ้า ถ้าจะทำแจกก็ไม่ต้องเอาออกจากพิมพ์ก็ได้ แจกไปทั้งฟอยด์เลย ง่ายดีค่ะ
17. แต่ถ้าอยากตัดบัตเตอร์เค้กให้ได้คมๆ เนื้อเนียน ควรนำไปแช่ตู้เย็นให้เนื้อเค้กเซ็ตตัวแน่น แล้วค่อยตัดก็จะเรียบ แต่ในคลิปติ๊กไม่ได้รอค่ะ ตัดเลยเพราะใจร้อน และเวลาไม่มีให้รอ เนื่องจากอีกวันนึงติ๊กมีธุระ เลยจัดสะทีเดียว

      เนื้อเค้กที่ได้นุ่มมากค่ะ ก็เราได้ตัวช่วยอ่ะเนาะ เค้กเลยนุ่มเนียน ฉ่ำเนย ถ้าให้เทียบกับบัตเตอร์เค้กยี่ห้อดัง เนื้อเค้กนี้จะนุ่มเบากว่านะคะ ล๊อตนี้ติ๊กทำแค่ 2 ฟอยด์ ให้ที่บ้านตนเอง กับ บ้านแฟน หมดเกลี้ยงอย่างเร็วเลยค่ะ






ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

แยมโรลสตรอเบอรี่

แยมโรลสตรอเบอรี่ (Cake Roll)



     สวัสดีทุกคนค่า ตั้งแต่สิ้นปีมา จนย่างเข้าปีใหม่ 2017 ติ๊กยังไม่ได้ทำเมนูใหม่ๆ อัพเดทลง blog กันเลย มัวแต่อบขนมแจกจ่ายผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง และก็แอบหนีไปเที่ยวมา

     เอาล่ะคะ ตอนนี้ก็กลับเข้าสู่โหมดขยัน มาเข้าครัวฝึกปรือทำขนมกันต่อ ประเดิมด้วยเมนูแรกของปีนี้คือ แยมโรล หรือ เค้กโรลสตรอเบอรี่ ค่ะ

     แยมโรล สำหรับติ๊กแล้วมีความท้าทายมากในขั้นตอนการม้วนเค้กค่ะ ม้วนอย่างไรให้ออกมาสวยงามเป็นทรงกลม เพราะติ๊กไม่เคยม้วนแล้วมันกลมดิกเลยค่ะ ม้วนทีไรมันออกจะเป็นวงรี ขยายออกด้านข้าง หรือว่าติ๊กจะหนักเครื่องไปก็ไม่รู้นะ มันถึงได้อ้วนด้านข้างเหมือนคนทำเลย...555

     ถึงจะมีปัญหาเรื่องรูปทรงบ้าง แต่ขนมก็ออกมาอร่อยน่าทานนะคะ ม้วนเค้กได้ ขนมรสชาติอร่อย ติ๊กก็แฮปปี้แล้วค่ะ ส่วนความสวยงามของแยมโรล คงต้องอาศัยการฝึกฝนกันไปบ่อยๆ เปลี่ยนเทคนิคการทำบ้างไรบ้าง ไอ้เรามันทำไม่บ่อย น๊าน...นานทำที ก็ขอแค่ทานได้อร่อยถูกปากคนที่บ้าน ก็น้ำตาจิไหลแล้วล่ะค่า

     เรามาเข้าเรื่องสูตรขนมกันเลยดีกว่าค่ะ แยมโรล ติ๊กใช้สูตรชิฟฟ่อนเค้กค่ะ ถาดที่ใช้ทำ 15x11 นิ้ว ติ๊กมีแต่ถาดไซส์นี้ค่ะ ติ๊กว่ามันกว้างไปเสียหน่อย ถ้ากว้างสัก 12 หรือ 13 นิ้วน่าจะม้วนเค้กได้กำลังดี และเนื้อเค้กจะได้หนาขึ้นอีกหน่อยด้วย

สูตรแยมโรล

ส่วนผสมแห้ง
  1. แป้งเค้ก 80 กรัม
  2. ผงฟู 1 ช้อนชา
  3. น้ำตาลป่น 40 กรัม
  4. เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสมของเหลว
  1. ไข่แดง (เบอร์ 0) 3 ฟอง
  2. นมสด 50 กรัม
  3. น้ำมันพืช 50 กรัม (ติ๊กใช้น้ำมันทานตะวัน)
  4. วนิลลาสกัด 1 ช้อนชา
ส่วนผสมเมอแรงค์
  1. ไข่ขาว (เบอร์ 0) 3 ฟอง
  2. น้ำตาลป่น 40 กรัม
  3. มะนาว 1/4 ช้อนชา
ไส้แยมโรล
  1. แยมสตรอเบอรี่ 250 กรัม (ติ๊กใช้ยี่ห้อ Smucker's) ก่อนนำไปใช้ติ๊กใส่น้ำลงไป 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำแยมไปเวฟประมาณ 40 วินาที ให้เนื้อแยมเหลว จะปาดได้ง่ายขึ้น
  2. สตรอเบอรี่ฟิลลิ่ง ใช้แต่เนื้อ 8 ลูก (ติ๊กใช้ของ Wilderness หรือจะใส่สตรอเบอรี่สดแทนก็ได้ค่ะ หรือจะไม่ใส่เลยก็ได้)
วิปครีม
  1. วิปปิ้งครีม 250 ml (ติ๊กใช้ยี่ห้อ Millac Gold)
  2. น้ำตาลไอซิ่ง 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำแยมโรล
  1. เริ่มจากเปิดเตา วอร์มเตาอบก่อนเลยค่ะ ที่อุณหภูมิ 180 องศา ไฟบนล่าง
  2. เตรียมกระดาษรองอบวางไว้ก้นพิมพ์ ไม่ต้องทาไขมันค่ะ
  3. ทำการร่อนแป้ง น้ำตาลป่น ผงฟู เกลือ ลงในชามผสม และพักทิ้งไว้ก่อน
  4. เตรียมชามผสมอีกใบ ผสมของเหลว ไข่แดง น้ำมัน นมสด วนิลลาสกัด คนให้เข้ากัน และนำไปเทลงส่วนผสมแห้ง ที่เราเตรียมไว้ในข้อ 2
  5. ตะล่อมส่วนผสมของแห้งและของเหลวให้เข้ากัน จนไม่เป็นเม็ดแป้ง อย่าผสมนานเกินนะคะ เค้กจะเหนียวแทน
  6. จากนั้น เรามาทำเมอแรงค์กันต่อค่ะ การตีไข่ขาวกับน้ำตาลให้ตั้งยอดอ่อน โดยตีไข่ขาวด้วยสปีดต่ำให้ขึ้นเป็นฟองแล้วใส่น้ำมะนาวลงไป จากนั้นปรับสปีดกลางตีจนขึ้นฟู และค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปจนหมด ติ๊กแบ่งน้ำตาลใส่ 2 รอบ และตีไข่จนขึ้นเป็นครีมเงา เป็นรอยตระกร้อ แล้วยกตะกร้อขึ้นมาดูว่าครีมตั้งยอดดีแล้วรึยัง โดยจะเป็นครีมสีขาวติดที่ปลายตะกร้อในลักษณะโค้งงอน มีสปริง
  7. นำเมอแรงค์ มาผสมกับแป้ง ตะล่อมให้เข้ากัน แบ่งใส่ 3 รอบ ขั้นตอนนี้รีบตะล่อมอย่างเบามือ จนส่วนผสมเข้ากันดีค่ะ
  8. เทส่วนผสมลงพิมพ์ที่จัดเตรียมไว้ และปาดเกลี่ยแบทเทอร์ให้เรียบเสมอกัน แล้วเคาะพิมพ์เล็กน้อยไล่ฟองอากาศ
  9. นำเข้าอบด้วยไฟบนล่าง 180 องศา เป็นเวลา 8 นาที
  10. หลังจากอบเสร็จ นำเค้กออกจากพิมพ์ด้วยการคว่ำพิมพ์ลงบนตะแกรง โดยมีผ้าขาวบาง หรือ กระดาษรองอบ วางรองเอาไว้ก่อน จากนั้นก็ดึงกระดาษรองอบที่ก้นเค้กออก
  11. เมื่อดึงกระดาษออกแล้ว จะพลิกเค้กกลับอีกครั้งก็ได้ เพื่อจะได้เอาด้านก้นเค้กสวยๆ ม้วนขึ้น ***แต่ในคลิปติ๊กไม่ได้พลิกอีกด้านกลับขึ้นมานะคะ เพราะติ๊กลืม...555 แต่ก็โชคดีที่เค้กอบออกมาผิวหน้าเค้กเรียบสวยอยู่ค่ะ
  12. จากนั้น ติ๊กเอาผ้าอีก 1 ผืนมาวางทาบบนตัวเค้ก หรือจะใช้กระดาษรองอบก็ได้ค่ะ และทำการม้วนเค้ก เพื่อให้เค้กอ่อนตัวและอยู่ทรง เวลาม้วนจริงๆ จะได้ง่ายๆ ม้วนเสร็จแล้ว ก็พักทิ้งไว้บนตระแกรง ให้เค้กคลายร้อน ควรให้เค้กมีรูระบายความร้อนหน่อยนะคะ ไม่งั้นเค้กจะแฉะ (วิธีการม้วนแยมโรลดูจากคลิปนะคะ)
  13. ระหว่างรอเค้กคลายร้อน ก็มาตีวิปครีมกันต่อค่ะ ตีวิปครีมกับน้ำตาลไอซิ่งจนขึ้นฟูตั้งยอด โดยก่อนตีวิปปิ้งครีม ติ๊กได้เอาชามผสมและหัวตีไปแช่ฟรีชไว้ประมาณชั่วโมงนึง โดยในชามรองโถตี ติ๊กได้ใส่น้ำเย็นจัดและน้ำแข็งลงไป ส่วนวิปครีมก็นำไปแช่ฟรีชประมาณ 15 นาที แล้วค่อยนำออกมาตีค่ะ หลังจากตีวิปเสร็จแล้ว ติ๊กก็นำไปพักเก็บไว้ในห้องแข็งก่อน ระหว่างรอการใช้งาน
  14. ตีวิปเสร็จ ก็มาคลี่ผ้าที่ม้วนเค้กออก ทำการปาดแยมสตรอเบอรี่ลงไป ติ๊กปาดหมด 250 กรัมเลยนะคะ โดยการปาดเว้นขอบๆเอาไว้
  15. นำวิปปิ้งครีมออกจากห้องแข็ง และนำมาปาดต่อ ด้านขอบไม่ต้องปาดเยอะค่ะ ปาดบางๆ ตรงไส้ตรงกลางอาจจะปาดหนาขึ้นเล็กน้อย ถ้าใส่ไส้เยอะมากก็จะม้วนลำบากนิดนึงนะคะ
  16. นำสตรอเบอรี่ฟิลลิ่ง เอาเฉพาะเนื้อสตรอเบอรี่ วางห่างจากขอบเค้กประมาณ 1-2 นิ้ว
  17. จากนั้นก็ทำม้วนเค้ก ถ้าเราใส่ไส้เยอะ เวลาม้วนจะลำบากนิดนึง ไส้จะถูกดันทะลักออก ต้องใช้สเปตูล่า หรือไม้ปาดอะไรก็ได้ ปาดดันยัดไส้กลับเข้าไปข้างใน
  18. ในคลิปไส้จะทะลัก ติ๊กเลยยกเค้กโรลอีกด้านหนึ่งขึ้นมาม้วนตลบกลับมา ไส้ก็ไม่ทะลักออกแล้วค่ะ แล้วก็เอาสเปตูล่า ปาดๆ ยัดๆลงไป 
  19. จากนั้นใช้มือเราตบๆ เค้กโรล ให้แน่นๆ อย่าหนักมือเกิน เดี๋ยวไส้แตกทะลักได้อีก
  20. ถ้าเค้กยังม้วนไม่แน่นดี ก็ให้เอาไม้โรลมาดันเค้ก แล้วดึงผ้าพร้อมกันดันไม้ม้วนเข้าไปในตัวเค้ก (ดูจากคลิปเอานะคะ อธิบายไม่ค่อยจะถูกเหมือนกันค่ะ ^^")
  21. ห่อเค้กโรลด้วยกระดาษรองอบ นำเก็บพักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ก่อนนำมาตัดเสริ์ฟค่ะ
     หลังจากเสร็จสิ้นการรอคอย 2 ชม. ติ๊กก็เอาเค้กมาตัดชิมเลยค่ะ ก็ต้องเอามาตัดอัดโชว์ในคลิปด้วยอ่ะคะ ก็เลยจัดไป 1 ชิ้นในวันนั้น เค้กนุ่มอร่อยทานคู่กับแยมยี่ห้อโปรด พร้อมกับวิปครีม เข้ากันดี๊ดี

     แต่ติ๊กว่าเก็บเค้กข้ามคืนแล้วค่อยนำมาตัดทาน มันอร่อยกว่าทานในวันนั้นนะคะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองมั้ย เวลาทำขนมอบทีไร ต้องพักทิ้งค้างคืน มันจะอร่อยกว่าทานตอนอบเสร็จใหม่ๆ อ่ะคะ มันเหมือนกับว่ารสชาติมันถูกบ่มเพาะในตู้เย็นยังไงๆอยู่ แต่ถ้าเก็บขนมนานเกินไป จากที่จะอร่อยๆ ก็อร่อยน้อยลงเหมือนกันนะค่ะ คือควรทานให้หมดภายใน 3-4 วัน เค้กจะชุ่มฉ่ำกำลังดี นานกว่านั้นแม้เค้กจะไม่เสีย แต่เนื้อเค้กจะแห้ง พวกซอส พวกครีมก็ไม่ฉ่ำ ไม่สดใหม่แล้วอ่ะค่ะ

    มาต่อด้วยเรื่องรสชาติ สำหรับแยมโรลสูตรนี้ ความอร่อยก็ต้องยกความดีให้กับความนุ่มของเค้กชิฟฟ่อน  และตัวแยมสตรอเบอรี่ยี่ห้อสุดโปรดของติ๊ก ดังนั้นเคล็ดลับความอร่อยคือ เนื้อเค้กและแยมค่ะ ใครชอบแยมยี่ห้อไหนก็จัดไป หรือจะทำแยมเองก็แล้วแต่ค่ะ จะได้ถูกปากตัวเองเนาะ วิปปิ้งครีมก็เหมือนกันค่ะ ชอบยี่ห้อไหนก็เอายี่ห้อนั้นมาตี แต่ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ต้องใส่ค่ะ ใส่แต่แยมก็ม้วนได้เหมือนกันค่ะ

หวังว่าเมนูความอร่อยนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนนะคะ



ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ขนมไข่

ขนมไข่โบราณ


      สวัสดีทุกคนค่ะ เมนูวันหยุดวีคนี้ ติ๊กชวนมาทำขนมไข่โบราณค่ะ เป็นขนมที่ทำง่าย มีส่วนผสมที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เราตีไข่กับน้ำตาลให้ฟูเต็มที่ และใส่แป้งลงไปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ แต่วันนี้ติ๊กขอประยุกต์การอบแบบสมัยใหม่ค่ะ โดยขอพึ่งสารเสริม SP เป็นตัวช่วยในการตีไข่ให้ขึ้นฟู และทำให้เนื้อขนมนุ่มขึ้นด้วยค่ะ ไม่ต้องเกริ่นกันเยอะเนาะ เรามาเริ่มทำกันเลยดีกว่า

สูตรขนมไข่
***อบได้ 10-12 ชิ้น ด้วยพิมพ์มัฟฟิน***
  1. แป้งอเนกประสงค์ 35 กรัม
  2. เบกกิ้งโซดา 1 หยิบมือ (หรือ 1/8 ช้อนชา)
  3. ไข่เป็ด 2 ฟอง
  4. น้ำตาลทราย 70 กรัม
  5. น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา
  6. วนิลลา 1 ช้อนชา
  7. สารเสริม SP 3 กรัม 
วิธีทำขนมไข่
  1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศา ไฟบนล่างค่ะ
  2. ร่อนแป้ง และเบกกิ้งโซดา แล้วพักไว้ก่อน
  3. ตีไข่เป็ด โดยปาดสารเสริม SP ไว้ที่ปลายตะกร้อ ตีด้วยสปีดสูงสุดจนกระทั่งไข่เป็นฟอง และเริ่มเป็นครีม
  4. จากนั้นทะยอยใส่น้ำตาลลงไปจนหมด ตีจนไข่ขึ้นฟูเต็มที่ โดยไข่จะมีลักษณะเป็นเนื้อครีมข้น ติ๊กใช้เวลารวมข้อ 3 ด้วย ประมาณ 10 นาที ระหว่างตีให้ปาดด้านข้างโถด้วยค่ะ
  5. จากนั้นใส่น้ำมะนาวลงไป ตีด้วยสปีดสูงสุดให้เข้ากัน และเติมวนิลลา ตีต่อให้เพียงเข้ากันเท่านั้น แล้วหยุดตี แล้วปาดด้านข้างและก้นโถให้เข้ากัน
  6. ใส่แป้งและเบกกิ้งโซดาที่ร่อนไว้แล้ว ทะยอยใส่ลงไป โดยปรับสปีดตีความเร็วปานกลาง ตีเพียงให้แป้งเข้ากันก็พอค่ะ ระหว่างตีก็ปาดด้านข้างด้วยนะคะ
  7. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว หยอดใส่พิมพ์ที่ต้องการ (ทาเนยขาวที่พิมพ์ก่อนนะคะ)  ติ๊กใช้พิมพ์มัฟฟินในการอบ แบ่งใส่เท่าๆกัน 12 ชิ้นค่ะ (จริงๆ แบ่ง 10 ชิ้นน่าจะกำลังดีมากกว่าค่ะ)
  8. อบ 180 องศา ไฟบนล่าง 15-20 นาที 
      ติ๊กวางถาดที่ชั้น 3 ในการอบ (เตาติ๊กมี 5 ชั้น) และระหว่างการอบ เมื่อขนมไข่สุกผิวขนมเริ่มเหลือง ติ๊กกลับด้านถาดเพื่อที่ให้หน้าขนมมีสีน้ำตาลเท่าๆกัน ติ๊กใช้เวลาอบรวมทั้งหมด 17 นาที ก็จะได้ขนมไข่หน้ากรอบค่ะ แต่ทว่าขอบขนมออกจะคล้ำเกือบไหม้ค่ะ

      ถ้าใครชอบขนมไข่นิ่มๆนะคะ ติ๊กว่าอบไม่เกิน 12 นาที ก็น่าจะพอค่ะ แต่ผิวหน้าไม่แห้งกรอบ เป็นหน้านุ่มๆเหมือนสปันจ์เค้กเลยค่ะ เก็บข้ามวันก็ยังนุ่มค่ะ

      แต่ถ้าอยากให้หน้ากรอบ อบให้นานขึ้นจนหน้าขนมไข่จะเป็นรอยย่นๆ ยับๆ ผิวขรุขระ และหดตัวลง ตามรูปด้านล่างเลยค่ะ ให้อบจนผิวขนมเป็นสีน้ำตาลค่ะ ผิวขนมจะกรอบ แต่เนื้อจะแห้งขึ้นหน่อยนะคะ แต่ก็ยังมีความนุ่ม เหมาะสำหรับอบแล้วทานเลยภายในวัน








ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ชีสทาร์ตญี่ปุ่น


BAKE CHEESE TART


      สวัสดีค่ะ วันนี้ติ๊กจะมาทำชีสทาร์ตญี่ปุ่นกันอีกครั้งค่ะ เนื่องจากคราวก่อนชีสทาร์ต สูตร Ciao Kitchen เป็นอะไรที่เข้มข้นชีสมาก ทานแล้วรู้สึกเลี่ยนจุกกันไปตามๆกัน อีกทั้งใส่มะนาวไปเยอะ รสชาติเลยออกเปรี้ยวนำด้วยค่ะ แถมยังอบด้วยพิมพ์ครึ่งปอนด์ ปริมาณชีสงี้เอาไปเต็มๆ กว่าจะทานหมดชิ้นทำเอาคนชิมและคนทำเหนื่อยเลยค่ะ

      เมื่อสูตรยังไม่โดนใจเต็มร้อย ติ๊กก็ไม่ละความพยายาม ที่จะไปทำการบ้าน เสาะหาสูตรต่อ รอบนี้ติ๊กแวะเข้าไปดู Pinterest แล้วก็พบเจอสูตรที่น่าสนใจค่ะ เป็นสูตร Bake cheese tart หรือ Hokkaido cheese tart ของ Dreamerloft

      สูตรนี้ ติ๊กสนใจในตัววัตถุดิบของคัสตาร์ดชีสค่ะ  แต่สัดส่วนนั้นมองปราดเดียว รู้เลยว่าเลี่ยนแท้แน่นอน เพราะสัดส่วนสารพัดชีสเยอะกว่าสูตรคุณ Ciao อีก เลยทำให้ติ๊กต้องทดลองสูตรถึง 3 รอบ กว่าจะเป็นที่มาของสูตรคัสตาร์ดตัวใหม่ ที่ได้รสชาติอย่างลงตัว ให้รสสัมผัสครีมชีสแบบเบาๆ เนื้อคัสตาร์ดนุ่มละมุนลิ้น

      สูตรชีสทาร์ตนี้ ได้มีการปรับปรุงแป้งทาร์ตใหม่ด้วยนะคะ โดยอ้างอิงจากสูตรคุณ Ciao ที่เธอได้ผสมผงอัลมอนด์ลงไปด้วย แต่ติ๊กได้ปรับขั้นตอนการผสมใหม่ โดยนำเนยกับไข่แดงผสมกันไปก่อนเลย เหตุผลเพราะมีคนคอมเม้นท์รสชาติแป้งทาร์ตว่ามีกลิ่นไข่ค่ะ ติ๊กก็เลยเปลี่ยนวิธีการใหม่ ผสมไข่กับเนยให้เข้ากันก่อน แล้วค่อยผสมแป้งทีหลังค่ะ บอกเลยว่าสูตรนี้โดนใจติ๊กมากค่ะ มันอร่อยมากเลย ทาร์ตมีความหอมกรอบมัน ทานคู่กับคัสตาร์ดชีสลงตัวสุดๆ

      เอาเป็นว่าแป้งทาร์ตสูตรนี้ จะเป็นสูตรในดวงใจ ที่ติ๊กจะไว้ใช้ทำเมนูทาร์ตทุกเมนู (เว้นแต่จะเจอสูตรที่ดีไปกว่านี้ได้อีก ถึงจะเปลี่ยนใจค้า) เอาล่ะคะ...เกริ่นมาเยอะแล้ว เรามาดูสูตรกัน ว่าต้องเตรียมอะไรกันบ้างนะคะ

สูตรชีสทาร์ต (ทำได้ประมาณ 9-10 ชิ้นค่ะ)

ติ๊กใช้พิมพ์ทาร์ตขนาดเล็ก ตามคลิปวีดีโอเลยค่ะ

วัตถุดิบแป้งทาร์ต
***ในคลิป ติ๊กทำเบิ้ล 2 สูตร นะคะ***
  1. แป้งอเนกประสงค์ 70 กรัม
  2. อัลมอนด์ป่นละเอียด 30 กรัม (ติ๊กใช้อัลมอนด์สไลด์นำไปอบให้กรอบ แล้วนำไปปั่นละเอียด)
  3. น้ำตาลป่น 35 กรัม
  4. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  5. เนยจืด 45 กรัม
  6. เนยขาว 10 กรัม
  7. ไข่แดง 1 ฟอง (ไข่เบอร์ 0)
  8. วนิลลาสกัด 1/4 ช้อนชา
วิธีการทำทาร์ต
  1. วอร์มเตาอบ 180 องศา ไฟบนล่าง 
  2. ผสมเนยจืด เนยขาว วนิลลา และไข่แดง คลุกพอเข้ากัน 
  3. ร่อนแป้งอเนกประสงค์ และน้ำตาลป่น ลงในชามผสม แล้วใส่เกลือ และอัลมอนด์ป่น แล้วคลุกยีๆให้พอเข้ากัน ให้เนื้อเป็นลักษณะเม็ดทรายเปียก
  4. นำโดว์ไปแร๊พ และรีดให้ได้แผ่นบางๆ ตามที่เราต้องการ แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้โดวแข็งตัว ใช้เวลาประมาณอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือจะแช่ห้องแข่งเพื่อจะลดระยะเวลาก็ได้
  5. เมื่อโดว์แข็งตัวดีแล้ว นำออกจากตู้เย็น ตัดแบ่งเป็นชิ้น นำมากรุลงพิมพ์
  6. หลังจากกรุแป้งทาร์ตเสร็จ หากโดว์อ่อนตัวลง ให้นำไปแช่ฟรีชสัก 10 นาที ให้แข็งอีกครั้ง แล้วค่อยนำส้อมมาเจาะรูตรงก้นทาร์ต เพื่อระบายอากาศ ช่วยลดการพองตัวของแป้งขณะตอนที่อบ
  7. นำเข้าอบด้วยอุณหภูมิ 180 องศา ไฟบนล่าง เป็นเวลา 10 นาที
  8. เมื่ออบเสร็จแล้ว พักทิ้งไว้ในพิมพ์ก่อน ให้ทาร์ตนั้นแข็งตัว แล้วค่อยคว่ำออกจากพิมพ์
เราได้ทาร์ตเรียบร้อยแล้ว ก็มาเตรียมคัสตาร์ดชีสกันต่อค่ะ

สูตรคัสตาร์ดชีส

  1. ครีมชีส 80 กรัม
  2. มาสคาโปเน่ชีส 40 กรัม
  3. พามานซานชีส 10 กรัม
  4. เนยสดเค็ม 20 กรัม
  5. นมสด 120 กรัม
  6. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา
  7. น้ำตาลทราย 20 กรัม (สูตรหวานน้อย ถ้าชอบหวานเติมไปอีกสัก 15 กรัมก็ได้ค่ะ)
  8. ไข่แดง 1 ฟอง เบอร์ 0 (ตักออกมา 1 ช้อนชา นำไปผสมกับนมสดประมาณ 1-2 ช้อนชา เพื่อนำไปทำ Egg Wash)
  9. น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา  (สูตรนี้ไม่เปรี้ยว ถ้าชอบเปรี้ยวเติมมะนาวตามใจชอบ)
  10. วนิลลาสกัด 1/2 ช้อนชา
  11. กลิ่นส้มสกัด 1/2 ช้อนชา
วิธีทำคัสตาร์ดชีส
  1. วอร์มเตาอบ อุณหภูมิ 230 องศา ไฟบนล่าง
  2. นำหม้อใส่น้ำต้มให้เดือด แล้ววางชามผสมบนหม้อ เพื่อที่เราจะทำการตุ๋นครีมชีสค่ะ
  3. นำครีมชีส มาสคาโปเน่ชีส พามาซานชีส และเนยเค็ม นำใส่ชามผสม คนให้ละลายเข้ากัน
  4. นำนมสด และ แป้งข้าวโพด ผสมกัน คนให้ละลาย แล้วเทลงไปในชามชีส แล้วใส่น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน
  5. ใส่ไข่แดงลงไป แล้วรีบคนให้เข้ากัน ให้คนไปเรื่อยๆ จนกว่าส่วนผสมจะข้นหนืดเป็นรอยตะกร้อ
  6. ปิดเตา ยกชามผสมลงจากหม้อ ใส่มะนาว วนิลลา กลิ่นส้ม คนให้เข้ากัน
  7. นำทาร์ตที่อบไว้ มาวางเรียบบนถาดอบ หยอดคัสตาร์ดชีสลงไปในทาร์ตให้เกือบเต็ม และปาดหน้าให้เรียบ
  8. นำ Egg Wash มาทาผิวคัสตาร์ด แล้วนำเข้าอบอุณหภูมิ 230 องศา ไฟบนล่าง อบเพียง 6 นาที เท่านั้นค่ะ
      หลังจากอบเสร็จแล้ว หน้าตาขนมของเราเมื่อตัดออกมาได้หน้าตาตามรูปด้านล่างเลยค่ะ รสชาติของคัสตาร์ดจะมีความนุ่ม ได้รสชีสเบาๆ หวานน้อย และเค็มนิดๆ ส่วนตัวทาร์ตกรอบร่วนหอมอร่อย


      หลังจากติ๊กอบเสร็จ พักทิ้งขนมให้เย็นตัว ติ๊กนำใส่ภาชนะปิดให้มิดชิด นำเก็บเข้าตู้เย็น 1 คืน แล้วนำมาตัดชิม ปรากฏว่าคัสตาร์ดชีสเนื้อหนึบเลยค่ะ ไม่นุ่มแล้ว ส่วนทาร์ตนั้นก็กรอบแบบแน่นๆ และนุ่มลงนิดหน่อย โดยรวมรสชาติก็ยังโอเคนะคะ อร่อยไปอีกแบบ


      แต่ถ้าใครชอบคัสตาร์ดนุ่มๆ ติ๊กแนะนำให้อุ่นในไมโครเวฟค่ะ ติ๊กได้ลองอุ่นไป 10 วินาที ถึง 2 รอบค่ะ รอบแรกอุ่นไปแล้วคัสตาร์ดไม่นิ่ม เลยต้องอุ่นต่อ ผลปรากฏได้ตามภาพค่ะ เนื้อนุ่มขึ้นแต่ไม่เป็นครีมเหลวเท่ากับตอนอบมาใหม่ๆ ตัวทาร์ตก็นุ่มขึ้นตาม จะไม่ค่อยกรอบเท่าตอนที่นำออกจากตู้เย็น แต่ก็ไม่แฉะนะคะ ก็อร่อยดีค่ะ เหมือนว่าติ๊กจะอร่อยไปสะทุกแบบ...555


      ก็เหลือแต่ว่าใครแวะผ่านมาเจอสูตรนี้ ได้ลองทำจะอร่อยถูกใจกันมั้ย ทำแล้วก็แวะมาบอกกันด้วยนะคะ

ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking


วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เค้กกล้วยหอม

เค้กกล้วยหอม สูตรชิฟฟ่อนเค้ก (Banana Chiffon Cake)


      สวัสดีเพื่อนๆค่ะ หนึ่งสัปดาห์มาบรรจบ ติ๊กก็ต้องหาเรื่องทำขนมเหมือนเช่นเคย วันนี้ติ๊กจะมาทำขนมเมนูเอาใจผู้ใหญ่ที่บ้านค่ะ นั่นก็คือเค้กกล้วยหอม เป็นเมนูยอดนิยมที่คุณแม่ติ๊กชอบทานมาก ไม่ว่าติ๊กจะทำเค้กกล้วยหอมสูตรไหน คุณแม่ท่านก็ทานได้หมดทุกสูตร อร่อยทุกสูตร แหม...ก็ของโปรดของคุณแม่อ่ะนะคะ
      เอาล่ะคะสำหรับวันนี้ติ๊กมีอีกหนึ่งสูตรของเค้กกล้วยหอมที่อยากจะมาแนะนำ ที่คิดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ ด้วยที่อยากให้เค้กกล้วยหอมรอบนี้ มีความนุ่มเบา และฉ่ำเนย ก็เลยเป็นที่มาของการทำ เค้กกล้วยหอม สูตรชิฟฟ่อนเค้ก และใส่เนยละลายแทนน้ำมันค่ะ
      สูตรนี้นะคะ ติ๊กรับรองเลยค่ะว่าใครที่ทานเค้กกล้วยหอมมาหลายต่อหลายที่ แล้วยังไม่พบกับความนุ่มสักที ให้ลองเปลี่ยนมาทำเค้กกล้วยหอม สูตรชิฟฟ่อนเค้กดูค่ะ จะพบว่ามันนุ่มอร่อยมากทีเดียวเลยนะคะ
      ติ๊กอบมาปุ๊บ คุณแม่ทานปั๊บ คุณแม่ทักว่า "เปลี่ยนสูตรอีกแล้วหรอ แต่รอบนี้อร่อยมาก นุ่มมากเลยนะ" แล้วคุณแม่ท่านก็ขอโควต้าไปแบ่งเพื่อนบ้านบ้าง แต่ติ๊กทำน้อยมากมีแบ่งไปแจก 4 ชิ้นเอง ที่เหลือเก็บไว้ทานกันเอง ตามประสาแม่ลูก (มีแอบงกค่ะ) แบบว่าเก็บได้คืนเดียวเอง หมดเกลี้ยงเลย

เอาละค่ะ เกริ่นมาสะเยอะ เข้าเรื่องหลักของเรากันเลยดีกว่าค่ะ
สูตรชิฟฟ่อนเค้กกล้วยหอม สำหรับ 2 ปอนด์
  1. แป้งเค้ก 100 กรัม
  2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  3. เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
  4. ไข่แดง 2 ฟอง (ไข่เบอร์ 0)
  5. เนยเค็มละลาย 80 กรัม (หรือน้ำมันพืช ตามแต่ความชอบ)
  6. กล้วยหอมบด 2 ลูก (ประมาณ 200-250 กรัม)
  7. กรีกโยเกิร์ต 80 กรัม (ถ้าไม่มี ให้ใช้วิปปิ้งครีม ผสมน้ำมะนาว 1 ซีก พักทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาทีค่ะ)
  8. วนิลลาสกัด 1 ช้อนชา
  9. กลิ่นกล้วยหอม 1/4 ช้อนชา (ถ้ามี)
ส่วนผสมเมอแรงค์
  1. ไข่ขาว 3 ฟอง (ไข่เบอร์ 0)
  2. น้ำตาลป่น 90 กรัม
  3. น้ำมะนาว 3-4 หยด (ใช้แทนครีมออฟทาทาร์)
วิธีทำเค้กกล้วยหอม
  1. วอร์มเตาอบไว้ก่อนเลยค่ะ ที่อุณหภูมิ 165 องศา ไฟล่างค่ะ ***ติ๊กใช้ไฟไม่แรงเหมือนทุกทีนะคะเพราะไม่ต้องการให้หน้าเค้กแตก อยากให้หน้าเค้กเนียนสวยค่ะ*** 
  2. จากนั้นเราก็มาเตรียมกล้วยบดกัน แนะนำให้ใช้กล้วยหอมที่สุกงอมมากๆนะคะ แบบว่าเละๆ เปลือกดำๆ ยิ่งดีค่ะ จะมีผลต่อความอร่อยของเค้กด้วยน้า การบดกล้วยหอมของติ๊กนะคะ ใช้วิธีง่ายๆ คือปลอกเปลือกกล้วยหอม และนำกล้วยใส่ถุงข้าวแกง และใช้มือบีบๆ ขยี้ๆ จนเละค่ะ จากนั้นก็เทใส่ชามผสม หากยังเห็นว่ามีกล้วยที่ยังเป็นชิ้นๆ ไม่เละ เราก็แค่เอาตะกร้อกดๆลงไป กล้วยก็เละแล้วค่ะ แนะนำนะคะว่าการทำเค้กกล้วยหอม ควรใช้วิธีบดกล้วยจะอร่อยกว่านำไปปั่นค่ะ
  3. หลังจากนั้น เราก็ใส่ส่วนผสม ไข่แดง, เนยเค็มละลาย, โยเกิร์ต, วนิลลาสกัด และกลิ่นกล้วยหอม และคนให้เข้ากันดีค่ะ ***ในคลิปจะเห็นว่า ไข่แดงติ๊กจะแปลกไปเสียหน่อย เนื่องจากวีคก่อนค่ะ ติ๊กทำชีสทาร์ต ได้ทำ Egg wash คือผสมไข่แดงและนมในอัตราเท่ากัน แล้วนำมาทาผิวชีสทาร์ตค่ะ*** ซึ่งใช้ไปนิดเดียวเอง ติ๊กก็เสียดายค่ะ เลยนำมาใช้ผสมกับเค้กกล้วยหอมสะเลย ดังนั้นเพื่อนๆ ไม่ต้องแปลกใจค่ะ ใช้ไข่แดง 2 ฟอง แบบปกติไปนะคะ
  4. ผสมแป้งเค้ก เบกกิ้งโซดา ผงฟู เข้าด้วยกัน แล้วทำการร่อนใส่ชามผสมเปียก จากนั้นคนให้พอเข้ากันค่ะ แล้วพักทิ้งไว้ก่อน
  5. เราจะมาทำเมอแรงค์กันต่อค่ะ โดยปกติติ๊กตีไข่ขาว ไม่ค่อยได้ใช้ครีมออฟทาทาร์เลยนะคะ เพราะซื้อมาใช้ไม่คุ้ม ใช้มะนาวแทนดีกว่าค่ะ เพราะเป็นของที่มีติดบ้านตลอดเวลา ติ๊กพบว่าการใช้มะนาวแทนครีมออฟทาทาร์ ก็ทำให้เค้กนุ่มดีค่ะ ไม่ได้แตกต่างจากการใช้ครีมออฟทาทาร์แต่อย่างใด
  6. นำไข่ขาว 3 ฟอง (อุณหภูมิปกตินะคะ) ใส่ภาชนะที่สะอาด ทำการตีไข่ขาวด้วยสปีดต่ำ จนเป็นฟอง แล้วค่อยบีบมะนาวลงไป 3-4 หยด และทำการตีต่อ โดยให้ปรับสปีดในการตีเป็นสปีดกลางค่ะ และเมื่อไข่ของเราเริ่มเป็นครีม ก็ทะยอยใส่น้ำตาลป่นค่ะ ติ๊กแบ่งใส่ 3 รอบจนหมด
      ติ๊กไม่ใช้สปีดสูงสุดในการตีนะคะ เพราะเคยทำแล้ว พบกว่าเค้กมีฟองอากาศขนาดใหญ่มาก ทำให้เค้กเป็นรูๆ ไม่เนียนสวยเท่ากับใช้สปีดกลางในการตีค่ะ โดยการตีไข่ขาวให้ตั้งยอดอ่อนนั้น ติ๊กใช้เวลาไม่เคยเกิน 4 นาทีนะคะ

      ติ๊กชอบใช้น้ำตาลป่น เพราะว่าใช้น้ำตาลทราย แล้วถ้าตีน้ำตาลละลายไม่หมด ทำให้น้ำตาลเกาะผิวหน้าเค้ก ทำให้สีผิวหน้าเค้กไม่ค่อยเสมอกัน

      ลักษณะของครีมที่ได้นะคะ ว่าไข่ขาวเราตั้งยอดอ่อนได้ที่รึยัง สังเกตุว่า เมื่อเรายกหัวตีขึ้นมาเราจะเห็นว่ามีครีมติดที่ปลายตะกร้อในลักษณะโค้งงอนสวยงาม เหมือนเราทานไอศครีมซอฟครีม โดยเนื้อครีมที่ติดปลายตะกร้อ จะมีลักษณะเด้งๆ แบบมีสปริง เนื้อครีมต้องไม่เหลวหกใส่ภาชนะ ถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ เพราะหากตีนานเกินไป จากที่เราจะได้ยอดอ่อนจะกลายเป็นยอดแข็ง จะทำให้เนื้อเค้กเราแทนที่จะนิ่มๆ กลายเป็นแข็งและหยาบแทนนะคะ

7. เมื่อเราได้เมอแรงค์แล้ว เราก็นำไปแบ่งผสมในส่วนของแป้งที่เตรียมไว้ แบ่งใส่ 3 ครั้ง โดยทำการตะล่อมไข่ขาวให้เข้ากันดีกับแป้ง ดูวิธีการตะล่อมได้ที่คลิปเลยค่ะ
8. จากนั้นนำแบทเทอร์ที่ได้ เทใส่พิมพ์ ติ๊กใช้พิมพ์กลมขนาด 2 ปอนด์ ค่ะ และทำการกระแทกพิมพ์เล็กน้อย เพื่อไล่ฟองอากาศในตัวเค้ก
9. เราใช้อุณหภูมิในการอบ 165C ไฟล่างเท่านั้น อบเป็นเวลา 30 นาที แล้วค่อยมาปรับไฟเป็นไฟบนล่าง อบต่ออีก 10 นาที ค่ะ
10. เมื่ออบเสร็จแล้ว ให้รีบนำเค้กออกจากพิมพ์เลยนะคะ แล้วจะตัดเสิร์ฟทานร้อนๆเลยก็ได้ หรือจะพักทิ้งไว้ให้หายร้อนก่อน ก็แล้วแต่ชอบค่ะ

      เนื้อเค้กที่ได้ เมื่ออบเสร็จ อยู่ในอุณหภูมิปกติแล้วตัดชิม จะพบว่าเค้กนุ่มมาก หากใส่ตู้เย็นเค้กจะเซ็ตตัว มีลักษณะคล้ายบัตเตอร์เค้ก กรณีใส่เนยละลายลงไป

      หากใครไม่ชอบเนื้อเค้กกล้วยหอมแบบใส่เนย ก็ให้ใส่น้ำมันลงไปแทนค่ะ เนื้อเค้กที่ได้ แม้จะเก็บในตู้เย็น ตัวเค้กกล้วยหอมก็นุ๊มนุ่ม

      เอาล่ะค่ะ ทั้งหมดก็เป็นเรื่องราวการทำ บานาน่าชิฟฟ่อนเค้ก ซึ่งติ๊กบอกเลยว่าสูตรนี้ถูกใจติ๊กมากเลยนะคะ อยากจะอบอีก เพราะยังทานไม่หน่ำใจเลยค่ะ



ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ชีสทาร์ตญี่ปุ่น

ชีสทาร์ตญี่ปุ่น (Japanese Cheese Tart)


      ได้เวลามาอัพเดทเรื่องราวในห้องครัวกันอีกแล้ว สำหรับวีคนี้ติ๊กอยากจะลองทำ ชีสทาร์ตญี่ปุ่นค่ะ เพราะเป็นเมนูนี้กำลังนิยม อีกทั้งโดยส่วนตัวติ๊กชอบทานชีสทาร์ตญี่ปุ่นมาก ไม่ว่าจะเป็น Letao Double Formage Cheese Cake, Pablo Cheese Tart, Hokaido Cheese Cake จัดเป็น 3 เมนูโปรดของติ๊กเลยค่ะ เพราะเนื้อสัมผัสของชีสนั้นเป็นอะไรที่นุ่มละมุนละไม ทานง่าย ไม่หนักและเลี่ยนจนเกินไป

      เมื่อติ๊กอยากจะลองทำ ก็เข้าสู่กระบวนการหาข้อมูลค่ะ ว่าจะลองทำสูตรของใครดี เพื่อประเดิมสูตรก่อน จริงๆแล้วสูตรชีสทาร์ตมีหลายสูตรนะคะ และมีแบบไม่ใส่ไข่ ใส่ไข่ทั้งฟอง หรือใส่เฉพาะไข่แดง ค่ะ เมื่อดูๆ อ่านๆ ติ๊กก็ขอเลือกสูตรชีสทาร์ตของคุณ Ciao ค่ะ เหตุผลที่เลือกชีสทาร์ตสูตรนี้ก็เพราะว่า
1. เป็นชีสที่ไม่ใส่ไข่
2. ดูขั้นตอนทำง่าย ไม่ยุ่งยาก
3. คุณ Cioa พรีเซ็นต์หน้าตา หน้าทาน เหมือนเจ้า Pablo ค่ะ (แต่รสชาตินี่เค้าว่ามันไม่เหมือนเลยอ่า แต่ความจำติ๊กก็ลางเลือนเหลือเกินว่ารสชาติดั้งเดิมเป็นอย่างไร ทานไป 2 ครั้ง เมื่อนานมาแล้ว)

     หลังจากเลือกสูตร เราก็มาลงมีปฏิบัติกันเลยค่ะ เริ่มจากทำตัวแป้งทาร์ตก่อน แป้งทาร์ตไม่ได้ใช้สูตรคุณ Ciao นะคะ เป็นสูตรแป้งที่ติ๊กปรับมาใช้เป็นของตนเอง

สูตรแป้งทาร์ต พิมพ์กลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 10-11 เซ็นติเมตร
  1. เนยเค็มอุณหภูมิห้อง 70 กรัม
  2. เนยขาว 10 กรัม
  3. แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัม
  4. น้ำตาลป่น 30 กรัม
  5. ไข่แดง 1 ฟอง
วิธีทำแป้งทาร์ต
  1. เราผสมเนยเค็ม เนยขาว คนให้เข้ากัน และร่อนแป้ง น้ำตาล เกลือ แล้วคนๆ พอให้เข้ากัน ให้ได้เนื้อเป็นลักษณะเม็ดทรายร่วน
  2. จากนั้นใส่ไข่แดง กลิ่นวนิลลา ผสมให้เข้ากัน
  3. ขั้นตอนผสมแป้งทาร์ต แนะนำให้ใช้ส้อมในการคน หรือจะเป็นมือของเราก็ได้ แต่อย่างเผลอนวดแป้ง อย่าผสมนาน ไม่งั้นแป้งจะเหนียว ไม่กรอบ
  4. เมื่อได้แป้งโดว์ ก็นำแร็พมาห่อให้มิดชิด นำโรลมานวดคลึงให้บางตามใจชอบ แล้วนำไปฟรีชสัก 10 นาที หรือ แช่ตู้เย็นสัก 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงค่อยนำมาใช้กรุลงบนฐานพิมพ์
  5. เมื่อแป้งทาร์ตเซ็ตแข็งตัวดีแล้ว นำออกจากตู้เย็น พักทิ้งไว้ 5 นาที แล้วนำไม้โรลมานวดๆคลึงๆ เล็กน้อย แล้วนำแป้งโดว์กรุลงพิมพ์
  6. จากนั้นนำส้อมจิ้มบริเวณก้นเพื่อไล่อากาศ ตอนอบจะช่วยไม่ให้ตัวทาร์ตพองตัวขึ้นมาก
  7. นำกระดาษไข และตุ้มสำหรับอบ หรือเมล็ดธัญพืช หรือข้าวสาร นำมาถ่วงน้ำหนัก ทับลงบนกระดาษไข แล้วนำแป้งทาร์ตเข้าอบ 180C 15 นาที จากนั้นนำออกมาจากเตาอบ แล้วให้นำกระดาษไขออก แล้วอบต่ออีก 10 นาที พักทิ้งไว้ให้เย็น
ลักษณะแป้งทาร์ตที่ได้ จะกรอบร่วนค่ะ รสชาติคล้ายๆคุกกี้เนยนะคะ

สูตรชีสทาร์ต
  1. ครีมชีส 100 กรัม
  2. ชีสมาสคาโปเน่ 50 กรัม
  3. น้ำตาล 35 กรัม
  4. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา 
  5. 50 ml วิปปิ้งครีม
  6. 50 ml นมสด
  7. น้ำมะนาว 5 กรัม (สำหรับคนชอบทานเปรี้ยวค่ะ ถ้าไม่ชอบไม่ต้องใส่ค่ะ หรือใส่เพียงแค่ 2-3 กรัม เปรี้ยวเล็กน้อย)
วิธีทำ Egg Wash ทาผิวขนม
  1. ไข่แดง 1 ฟอง
  2. นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
  3. วนิลลาสกัด 1-2 หยด
วิธีทำ ให้นำส่วนผสมทั้งหมดผสมรวมกันแล้วคนให้เข้ากันค่ะ

ขั้นตอนการทำชีสทาร์ต
      ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะ สูตรที่ใช้เป็นของคุณ Ciao ก็จริงนะคะ แต่ว่าเทคนิคการทำชีสทาร์ต ติ๊กใช้เทคนิคของช่อง Boba ETtoday โดยวิธีการทำดังนี้ค่ะ
  1. แบ่งวิปปิ้งครีม หรือ นมสด มาเล็กน้อย เพื่อนำมาผสมกับแป้งข้าวโพด นำมาคนให้แป้งข้าวโพดละลาย
  2. นำครีมชีส มาสคาโปเน่ วิปปิ้งครีม นมสด น้ำตาล ใส่ชามผสม แล้วนำไปตั้งบนหม้อต้มน้ำ (Double Boil) จนกระทั่งชีสละลายจนเป็นเนื้อเนียนเข้ากันดี
  3. ใส่แป้งข้าวโพด ค่อยๆ เทแแป้งข้าวโพดลงไป และคนส่วนผสมให้เข้ากัน
  4. กวนครีมชีสไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมจะเริ่มข้นขึ้น เริ่มจับตัวเป็นก้อนๆ ให้ปิดเตา ยกครีมชีสลงมา
  5. ใส่น้ำมะนาว วนิลลาสกัด คนให้เข้ากัน
  6. นำครีมชีสเทลงไปในทาร์ต และปาดผิวหน้าชีสให้เรียบเสมอกัน นำไปแช่ฟรีช 15 นาที
  7. หลังจากแช่ฟรีชเสร็จ 15 นาที ผิวด้านหน้าชีส จะตึงแห้ง ให้ทา Egg wash ลงไปบางๆ นำเข้าอบ 200C เป็นเวลา 15 นาที
      หลังจากอบเสร็จ ถ้าใครชอบเนื้อครีมชีสลักษณะเป็นครีมข้นๆ สามารถตัดทานตอนร้อนๆ ได้เลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องพักทิ้งไว้ให้เย็น แต่ถ้าชอบเนื้อครีมชีสแบบหนึบ ให้นำไปแช่เย็น แล้วค่อยตัดทานค่ะ
   
      เอาล่ะค่ะ มาถึงบทสรุปของสูตรคุณ Ciao ติ๊กว่าครีมชีสมันไม่นุ่มเบาเท่าไร คงเป็นเพราะสูตรมีแต่ครีม ถ้าจะให้ดี ติ๊กว่าสูตรนี้เหมาะสำหรับทำชีสบาร์, ชีสทาร์ตขนาดเล็กๆ และชีสครัมเบิ้ล น่าจะเป็นอะไรที่ลงตัวมาก

      แต่ถ้าจะทำชีสทาร์ตเป็นปอนด์ สูตรนี้ไม่เหมาะเลยค่ะ หรือตามสูตรเป็นครึ่งปอนด์ ติ๊กก็ว่าไม่เวิร์ค มันหนักครีมเกินไปค่ะ ไว้รอบหน้าติ๊กจะลองสูตรใหม่ ที่ใส่ไข่มาให้ชมกันนะค่ะ น่าจะนุ่มลิ้นกว่า ดังนั้น ติ๊กให้คะแนนสูตรนี้ 7/10 ขอหักคะแนนความเลี่ยน และไม่นุ่มเบาของชีสทาร์ตสูตรนี้ค่ะ

***ไม่ได้ว่าไม่อร่อยนะคะ แต่เนื้อชีสลักษณะนี้ ไม่เหมาะสมกับการทำชีสทาร์ตชิ้นใหญ่ ซึ่งติ๊กคิดว่าจะนำครีมชีสสูตรนี้ ไปทำชีสบาร์ ชีสครัมเบิ้ล ต้องอร่อยมากๆ แน่นอนค่ะ ไว้ถ้ามีเวลาจะมารีวิว สาธิต ให้ชมกันนะคะ




ติดตามเรื่องราวในห้องครัว Ms.andMrs.Brown
https://www.facebook.com/msandmrsbrown
https://www.youtube.com/c/msandmrsbrowncooking

Preserved Pineapple

สับปะรดกวน          ด้วยที่ติ๊กอยากจะทำพายสับปะรด ก็เลยจะทำสับปะรดกวนเองเสียหน่อย เพราะไม่ได้ทำยาก แต่จะเสียเวลามากกว่า ติ๊กใช้เวลาพอคว...